คลัง เตือนใช้จ่ายคนละครึ่งใน 14 วัน หวั่นเสียสิทธิ์

02 พ.ย. 2563 | 07:09 น.

คลัง เตือนใช้จ่ายคนละครึ่งใน 14 วัน หวั่นเสียสิทธิ์ ด้านกรุงไทย พร้อมเครื่องยืนยันตัวตนและพนักงาน เสริมทัพช่วยประชาชนใช้สิทธิ์สะดวกขึ้น

                 นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากโครงการคนละครึ่งได้เปิดให้ประชาชนใช้จ่ายมา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. 2563 ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 2 พ.ย. 2563 เวลา 11.00 น. จำนวนยอดใช้จ่ายสะสม 4,188.30 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 2,139.93 ล้านบาท และรัฐช่วยจ่ายอีก 2,048.37 ล้านบาท โดยยอดใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 225 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ทั้งนี้ มีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 4.7 แสนร้านค้า

               อย่างไรก็ตามประชาชนที่ลงทะเบียนก่อนวันที่ 23 ต.ค. 2563 และได้รับ SMS ยืนยันสิทธิแล้วขอให้ติดตั้งแอพลิเคชัน “เป๋าตัง” รวมทั้งยืนยันตัวตน เพื่อให้มีการใช้จ่ายผ่านแอพลิเคชันภายในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ซึ่งหากไม่ใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับจากวันถัดจากวันที่ได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ จะถูกตัดสิทธิและไม่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อีก

 

                   ส่วนการลงพื้นที่สำรวจการดำเนินโครงการคนละครึ่งในจังหวัดภูเก็ตระหว่างกระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พบว่า มีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนเข้าร่วมโครงการได้สำเร็จ หรือยังไม่สามารถใช้งานแอพลิเคชันเป๋าตังได้ เนื่องจากจำรหัสเข้าใช้งานไม่ได้ หรือสแกนหน้าไม่สำเร็จ จึงทำให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวมารอเข้าคิวยืนยันตัวตนที่สาขาเป็นจำนวนมาก และระบบของธนาคารได้ตรวจสอบพบว่ามีการรอคิวจำนวนมากของประชาชนในบางพื้นที่ เช่น สาขาในจังหวัดขอนแก่น ชัยนาท นครราชสีมา อีกด้วย

               ดังนั้น ธนาคารกรุงไทยจึงได้เร่งดำเนินการเพิ่มเครื่องยืนยันตัวตนกว่า 1,000 เครื่องใน 200 สาขาทั่วประเทศ โดยเฉพาะสาขาที่ระบบตรวจพบว่ามีการรอคิวของประชาชนเป็นจำนวนมาก ตลอดจนเพิ่มจำนวนพนักงานอีก 20% ในแต่ละสาขา เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถยืนยันตัวตนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ทันท่วงทีป้องกันการถูกตัดสิทธิ์