กระทรวงเกษตรฯ ปั้นไทยสู่ฮับโปรตีนแมลงโลก

15 ต.ค. 2563 | 07:53 น.

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งเป้าไทยเป็นฮับโปรตีนแมลงโลก หนุนสตาร์ทอัพเลี้ยงจิ้งหรีด พร้อมเร่งขับเคลื่อน”ศูนย์เทคโนโลยีแมลง”หวังเจาะตลาดโลก 3 หมื่นล้าน

จากนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตโปรตีนจากแมลงหรือฮับแมลงโลก โดยมีนโยบายส่งเสริมการเลี้ยงจิ้งหรีดให้แก่เกษตรกรเพื่อสร้างรายได้ และ ได้มอบหมายหน่วยงานในสังกัด เร่งส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีดที่มีกว่า20,000 ฟาร์มเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในผลผลิตให้ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ


นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 ได้เปิดเผยว่า ภายใต้การบริหารงานของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้วางนโยบายให้ไทยเป็นฮับแมลงโลก  ถือว่าสอดรับกับแนวทางขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(FAO:Food and Agriculture Organization)ที่ประกาศให้”แมลงเป็นแหล่งอาหารในอนาคตของโลก”


โดย FAO คาดการณ์ว่าจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ของโลกซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนเพิ่มขึ้น 30% ภายใน 15 ปีข้างหน้า ดังนั้นการสนับสนุนการบริโภคโปรตีนจากแมลงจึงเป็นหนึ่งในแนวทางในการรับมือกับอาหารในอนาคตที่ดีที่สุด


นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลการวิจัยเรื่องอาหารแห่งอนาคต (Future Food) และอาหารใหม่ (Novel Food) พบว่า “แมลง” มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งแคลเซียม ซิงค์ วิตามินบี 2 บี 12 ในปริมาณสูง มี โอเมกา 3 6 9 รวมทั้งไฟเบอร์ ซึ่งเป็นไฟเบอร์จากสัตว์เพียงชนิดเดียว ช่วยปรับสมดุลในลำไส้  นอกจากนี้ยังมีกรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกายอีกกว่า 10 ชนิด ส่วนแมลงที่มีอยู่นับล้านชนิด “ จิ้งหรีด” ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด 
 

ข้อมูลจากบริษัท Research and Markets ระบุว่าตลาดแมลงรับประทานได้ทั่วโลกมีอัตราการเติบโตระหว่างปี 2018-2023 คิดแบบ Compound Annual Growth Rate (CAGR) ที่ร้อยละ 23.8 และคาดว่าในปี 2023 ตลาดจะมีขนาด 37,900 ล้านบาท โดยตลาดเอเชียมีสัดส่วนถึง 30-40% ของทั้งโลก ที่เหลือกระจายตัวอยู่ทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาตินอเมริกาและอเมริกาเหนือ


ขณะที่ข้อมูลของกรมวิชาการเกษตร พบว่า ประเทศไทยมีแมลงที่มีคุณค่าอาหารอย่างน้อย 194 ชนิด เช่น จิ้งหรีด จิ้งโกร่ง ตั๊กแตน หนอน และดักแด้ไหม ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักในการส่งออกแมลงไปขายทั่วโลก

 

นายอลงกรณ์​ พลบุตร ที่ปรึกษา​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​เกษตร​และ​สหกรณ์​
นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โปรตีนจากแมลงจัดเป็นซูเปอร์ฟู้ด(Super Food)และเป็นอาหารแห่งอนาคต(Future Food)ที่ต้องยกระดับมาตรฐานการผลิตการแปรรูปและการตลาดรวมทั้งส่งเสริมสตาร์ทอัพไทย  


ทั้งนี้จะมีการจัดตั้ง”ศูนย์เทคโนโลยีแมลง”ภายใต้ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC:Agritech and Innovation Center)โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ.กับอีกอย่างน้อย 4 มหาวิทยาลัยได้แก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  รวมทั้งมหาวิทยาลัยอื่นๆ


เพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ กระบวนการผลิต การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งแบบสด แช่แข็ง ทอด คั่ว หรือบรรจุกระป๋อง รวมถึงทำเป็นผงบด เพื่อเป็นส่วนผสมในการทำเบเกอรี่ และแปรรูปเป็นแป้งจำพวกเส้นพาสต้า โปรตีนบาร์ ผงแป้ง ขนมขบเคี้ยว และprotein shakes ซึ่งกลุ่มประเทศ สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา เอเชียตะวันออก ละตินอเมริกา แอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างให้ความสนใจต่อการบริโภคเป็นอย่างมาก 
 

"ตลาดส่งออกไทยไปต่างประเทศได้รับความนิยมและขยายตัวอย่างรวดเร็วเติบโตถึงร้อยละ 23 ต่อปี โดยเฉพาะ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และ จีน  และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค มกอช.ได้ประกาศมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี(GAP) สำหรับฟาร์มจิ้งหรีด (มกษ.8202-2560) เป็นมาตรฐานทั่วไป"

ผลิตภัณฑ์​อาหารที่มีส่วนผสมของจิ้งหรีด

นอกจากนี้กรมส่งเสริมการเกษตรส่งเสริมให้เกษตรกรรวมตัวกันเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ผู้เลี้ยงแมลง โดยเฉพาะจิ้งหรีด ปัจจุบันมีแปลงใหญ่จิ้งหรีดทั้งหมดจำนวน 11 แปลง เกษตรกรสมาชิก469 ราย พื้นที่รวมประมาณ 848.5 ไร่ ใน 10 จังหวัด ได้แก่ ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม บุรีรัมย์ พิจิตร พิษณุโลก มหาสารคาม ลพบุรี สระแก้ว และจังหวัดสุโขทัย 

 

มีกำลังการผลิตรวมกว่า 1.1 พันตันรวมทั้งส่งเสริมเกษตรกรที่สนใจเพื่อยกระดับมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด ส่งเสริมให้เกษตรกรไทยหันมาเลี้ยงจิ้งหรีด ทั้งสายพันธุ์ทองดำ ทองแดง และสะดิ้ง เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ในการประกอบอาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรในยุคโควิด 


ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังการผลิตจิ้งหรีดรวมมากกว่า 7,000 ตันต่อปี และสามารถป้อนตลาดภายในและต่างประเทศ รวมทั้งกรมหม่อนไหมได้ส่งเสริมเกษตรกรหม่อนไหมกว่า20,000รายในการพัฒนาดักแด้ไหมเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่มาแรงเป็นที่ต้องการอย่างมากในขณะนี้


นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีบริษัทสตาร์อัพของคนไทยที่ผลิตและทำตลาดผลิตภัณฑ์ผงโปรตีนจากจิ้งหรีดเป็นรายแรกๆของโลก ส่งออกไปยังกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป แคนาดา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย และมีบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการแปรรูปแมลงทยอยเกิดขึ้นตามมา โดยแมลงถือเป็น Super food มีสารอาหารสูง ในต่างประเทศมีการแปรรูปเพื่อนำไปใช้ในหลายรูปแบบ เช่น เป็นส่วนผสมในยา ทำเป็นผงแป้งผสมในขนมกรุบกรอบหรืออาหาร แม้แต่เครื่องสำอางค์และอาหารเสริม ฯลฯ


ซึ่งกระทรวงเกษตรสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยตลอดห่วงโซ่อุปทานเน้นการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆสร้างมูลค่าเพิ่มและส่งเสริมทำการตลาดแบบไฮบริดทั้งออฟไลน์และออนไลน์โดยขณะนี้มีการจำหน่ายบนตลาดออนไลน์เช่นShopee Lazada ฯลฯ 


“ปัจจุบันมีบริษัทไทยและบริษัทต่างชาติลงทุนทำฟาร์มเพาะเลี้ยงในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางและตั้งโรงงานแปรรูปแมลงเพื่อส่งออกมีแบรนด์ของตัวเองเช่นแบรนด์ ProteGo ผงโปรตีนจากจิ้งหรีด (Cricket Powder)ที่ขอนแก่น และบริษัท คริกเกท แลบ จำกัด