รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุถึงกรณีที่หลายภาคส่วน รวมไปถึงคุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลดูแลธุรกิจภาคเอสเอ็มอีมากขึ้น เพื่อให้เอสเอ็มอีกลับมาเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกครั้ง ว่า ที่ผ่านมา รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง ได้มีมาตรการด้านการเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีในหลายด้าน ทั้งพ.ร.ก. Soft Loan ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่แบ่งเป็น มาตรการสินเชื่อเพิ่มเติม วงเงินรวม 500,000 ล้านบาท โดย ธปท. ให้สถาบันการเงินกู้ยืมในอัตรา0.01% ต่อปี เพื่อให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ให้แก่เอสเอ็มอี ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 500 ล้านบาท วงเงินไม่เกิน 20% ของยอดสินเชื่อคงค้างของลูกหนี้ ณ สิ้นเดือนธ.ค. 2562 คิดดอกเบี้ย 2% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี โดยเอสเอ็มอี ไม่ต้องชำระดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรก
รวมถึงการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้กับ เอสเอ็มอีที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2562 เพื่อให้เอสเอ็มอีไม่ต้องมีภาระในการชำระหนี้แก่สถาบันการเงินเป็นระยะเวลา 6 เดือน และให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS Soft Loan พลัส วงเงินค้ำประกัน 57,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังได้ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจดูแลมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี วงเงินรวมประมาณ 60,000 ล้านบาท
นอกจากนี้กระทรวงการคลังได้ร่วมกับสมาคมสถาบันการเงินของรัฐจัดทำเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน-ด้านการเงิน.com และ ธปท. ได้จัดทำเว็บไซต์ www.bot.or.th/covid19 เพื่อรวบรวมมาตรการด้านการเงินของสถาบันการเงินในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วย จึงสะท้อนว่าที่ผ่านมารัฐบาลให้การดูแลเอสเอ็มอีมาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมติดตามใกล้ชิดต่อไป