ภายหลังจากที่ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ภายใต้สังกัดกระทรวงแรงงาน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการพัฒนาทักษะและส่งเสริมการประกอบอาชีพ” เพื่อช่วยเหลือแรงงานและกลุ่มคนตกงาน บัณฑิตจบใหม่ให้มีทางรอด โดยเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ในโครงการพัฒนาทักษะและส่งเสริมการประกอบอาชีพ
นอกเหนือจากการพัฒนาทักษะวิชาชีพแล้ว ยังมอบโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดย บสย. ให้การค้ำประกันสินเชื่อ จากกลุ่มธนาคารพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีด้วยกัน 4 ธนาคารที่เตรียมวงเงินสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบอาชีพอิสระ 8 โครงการ ประกอบด้วย
1. ธนาคารออมสิน จำนวน 5 โครงการ แบ่งออกเป็น
1. 1.โครงการสินเชื่อเพื่อ Street food วงเงิน 3 ล้านต่อราย
1.2. โครงการสินเชื่อธุรกิจแฟรนไชส์ วงเงิน 1 ล้านบาทต่อราย
1.3. โครงการสินเชื่อประชาชนสุขใจ วงเงิน 200,000 บาทต่อราย
1.4. โครงการสินเชื่อสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 50,000 บาทต่อราย
1.5. โครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก วงเงิน 50,000 บาทต่อราย
2.ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 โครงการ ได้แก่
2.1 โครงการสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อธุรกิจรายย่อย วงเงิน 200,0000 บาทต่อราย
3.ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 โครงการ ได้แก่
3.1 สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ วงเงิน 200,000 บาทต่อราย
4.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1 โครงการ ได้แก่
4.1 สินเชื่อฮักบ้านเกิด
สำหรับการร่วมมือกันในครั้งนี้ คาดว่าจะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบจากการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. จำนวน 29,300 ล้านบาท และ ช่วยอุ้มแรงงาน 95,000 คน ให้กลับมามีอาชีพและทางรอดในการฝ่าวิกฤตโควิด -19 ( COVID-19 )
ปัจจุบันสถานการณ์ด้านแรงงานของไทย ยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID -19 โดยข้อมูล ไตรมาส 2/2563 จากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีผู้ว่างงานสะสมจำนวน 1.6 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มผู้ว่างงาน 1.1 ล้านคน และ กลุ่มบัณฑิตจบใหม่ 5 แสนคน และมีกำลังแรงงาน (ประชากรวัยแรงงาน อายุ 15-60 ปี) 38.2 ล้านคน
ในไตรมาส 4/2563 ประมาณการว่า จะมีผู้ว่างงานสะสมจำนวน 2.5 ล้านคน คิดเป็นอัตราการว่างงานสะสม 6.5% แบ่งเป็นกลุ่มผู้ว่างงาน 2 ล้านคน กลุ่มบัณฑิตจบใหม่ 5 แสนคน และมีกำลังแรงงาน 38.4 ล้านคน