สั่งเปิดเรียนไม่ดูโควิด ผู้ว่าฯ นิวยอร์กงัดทรัมป์ใช้อำนาจมั่ว  

09 ก.ค. 2563 | 01:24 น.

นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กตอกหน้า"ทรัมป์" ยันประธานาธิบดีไม่มีอำนาจสั่งเปิดโรงเรียนท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19

 

นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นรัฐที่ยังมีอัตราการติดเชื้อโควิด-19 สูง ให้ความเห็นเกี่ยวกับการโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีท่าทีข่มขู่และ กดดันให้มีการเปิดโรงเรียนของรัฐ ภายในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ (ภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วงเริ่มในราวเดือนก.ย. ถึงเดือนธ.ค.) โดยนายคูโอโมยืนยันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องการตัดสินใจของแต่ละมลรัฐ

นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก

ช่วงสุดสัปดาห์ก่อนการเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกา (4 ก.ค.) สถิติการติดเชื้อใหม่ในรัฐนิวยอร์กนั้นยังอยู่ที่ระดับ 1.38% โดยมีผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 66,392 ราย มีผลเป็นบวก (ติดเชื้อ) 918 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 395,872 ราย และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเขตปกครองย่อยของนิวยอร์กถึง 42 มณฑล แม้สถานการณ์จะดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังและควบคุมอย่างเข้มงวด

 

"การเปิดโรงเรียนเป็นการตัดสินใจภายในรัฐ นี่เป็นกฎหมาย และเป็นสิ่งที่เราจะดำเนินการโดยไม่ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีสหรัฐ ท่านประธานาธิบดีไม่มีอำนาจในการสั่งเปิดโรงเรียน เราจะเปิดโรงเรียนก็ต่อเมื่อมีความปลอดภัยที่จะเปิด และทุกคนต่างก็ต้องการที่จะเปิดโรงเรียนเช่นกัน" นายคูโอโมกล่าวย้ำ อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการให้มีการเปิดเรียนภายในภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วง นั้นเชื่อว่ามีนัยยะทางการเมืองอยู่ด้วยเช่นกัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

"ทรัมป์"ลั่นเศรษฐกิจฟื้นแล้ว เร่งมลรัฐคลายล็อกดาวน์ให้ไว

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 ก.ค.) ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตข้อความระบุเป็นอักษรตัวโตว่า “โรงเรียนจะต้องเปิดในฤดูใบไม้ร่วง” พร้อมกันนั้น เขายังขู่ว่าจะตัดงบของรัฐบาลกลางในการสนับสนุนโรงเรียนของรัฐ หากโรงเรียนดังกล่าวไม่เปิดการเรียนการสอนเพื่อให้เด็กนักเรียนเข้าชั้นเรียนภายในฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาถึง

สั่งเปิดเรียนไม่ดูโควิด ผู้ว่าฯ นิวยอร์กงัดทรัมป์ใช้อำนาจมั่ว  

"ในเยอรมนี เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน และอีกหลายประเทศ ต่างก็มีการเปิดโรงเรียนโดยไม่มีปัญหา พรรคเดโมแครต (ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน) คิดว่าพวกเขาจะเสียเปรียบทางการเมือง หากมีการเปิดโรงเรียนก่อนการเลือกตั้งในเดือนพ.ย. แต่การเปิดโรงเรียนมีความสำคัญสำหรับเด็ก ๆ และครอบครัว โดยโรงเรียนที่ยังไม่เปิดอาจถูกตัดงบสนับสนุนจากรัฐบาล" ข้อความในทวิตเตอร์ของทรัมป์ระบุ

 

นอกจากนี้ เขายังกล่าวตำหนิศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ ซึ่งได้กำหนดมาตรการที่เข้มงวดสำหรับการเปิดโรงเรียน โดยทรัมป์เห็นว่า มาตรการเหล่านั้น “เข้มงวดเกินไป”

 

"ผมไม่เห็นด้วยกับ CDC เกี่ยวกับการกำหนดแนวปฏิบัติที่ยากลำบากและมีค่าใช้จ่ายมากสำหรับการเปิดโรงเรียน ซึ่งในขณะที่ CDC ต้องการให้มีการเปิดโรงเรียน แต่พวกเขากลับเรียกร้องให้โรงเรียนทำสิ่งที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ โดยผมจะนัดหารือกับเจ้าหน้าที่ CDC ในเร็ว ๆ นี้" ทรัมป์ระบุดุเดือดในทวิตเตอร์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ถึงแม้ว่าการเปิดโรงเรียนของรัฐบาลจะขึ้นอยู่กับวินิจฉัยของแต่ละมลรัฐ แต่แรงกดดันจากส่วนกลางและจากประธานาธิบดี เช่นการขู่ตัดงบสนับสนุน ก็ดูจะมีส่วนทำให้เกิดความเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน เช่นกระทรวงศึกษาธิการรัฐฟลอริดา ได้ออกมารับลูกหลังคำประกาศของทรัมป์ ด้วยการออกแถลงเมื่อวันอังคาร ( 7 ก.ค.) ว่า ในภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาถึง (เริ่มราวเดือนก.ย.) โรงเรียนจะต้องเปิดการเรียนการสอนอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ ขณะที่รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นรัฐที่ยังคงมีอัตราการติดเชื้อสูง ได้ออกมาแสดงท่าทีว่า รัฐให้ทางเลือกแก่ผู้ปกครองที่ยังอยากให้ลูกหลานเรียนทางไกล สามารถทำได้ แต่สำหรับเด็กที่มาโรงเรียนนั้น จะต้องสวมหน้ากากป้องกัน

ด้านนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีซึ่งดูแลการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ออกมาประกาศที่ทำเนียบขาววานนี้ (8 ก.ค.) ไม่กี่ชั่วโมงหลังการทวีตของประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับมาตรการที่เข้มงวดของ CDC ว่า ในช่วงสัปดาห์หน้า CDC กำลังจะออกมาตรการใหม่เป็นแนวทางสำหรับการเปิดโรงเรียน ซึ่งมาตรการใหม่นี้ “จะไม่เข้มงวดจนเกินไป”  

 

ดร.โรเบิร์ท เรดฟีลด์ ผู้อำนวยการ CDC ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ไม่อยากให้มาตรการซึ่ง CDC ออกมาเพื่อเป็น “แนวทาง” ในการปฏิบัติสำหรับการเปิดโรงเรียน กลายมาเป็นเหตุผลที่จะถูกนำมาใช้ในการปิดโรงเรียน ทั้งนี้ มาตรการที่ CDC ประกาศออกมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติก่อนหน้านี้ (ซึ่งทรัมป์บอกว่าเข้มงวดเกินไป) ได้แก่ โรงเรียนที่เปิดการเรียนการสอนจะต้องเปิดหน้าต่างห้องเรียน  ต้องตั้งโต๊ะเก้าอี้เรียนสำหรับแต่ละคนห่างกันอย่างน้อย 6 ฟุตหากทำได้ และห้ามใช้โรงอาหารรวม ตลอดจนสนามเด็กเล่นก็ห้ามเปิดใช้ให้เล่นร่วมกัน เป็นต้น  

 

ทั้งนี้ นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาว ได้เคยออกมากล่าวเตือนว่า รัฐต่าง ๆ ในสหรัฐจะเผชิญกับผลกระทบร้ายแรงตามมา หากมีการเปิดเศรษฐกิจหรือยุติมาตรการล็อกดาวน์ก่อนเวลาอันควรในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอยู่

 

นักเรียนต่างชาติพลอยกระทบไปด้วย

เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา อธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า การเรียนการสอนในชั้นเรียนของวิทยาเขตทั้ง 23 แห่งของมหาวิทยาลัยจะถูกยกเลิกสำหรับภาคการศึกษาที่เริ่มต้นในเดือนก.ย. นี้โดยการเรียนการสอนจะจัดขึ้นทางออนไลน์แทน เนื่องจากคาดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของสหรัฐ (ก.ย.-พ.ย.) แต่กระนั้น การเรียนออนไลน์ก็กำลังถูกบีบและได้รับแรงกดดันทางการเมืองอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนชาวต่างชาติในสหรัฐ

 

โดยเมื่อเร็ว ๆนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา (ICE) ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงกฎของนักเรียนต่างชาติสำหรับการเรียนผ่านระบบออนไลน์ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะมีผลในภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วงในปีนี้ และจะทำให้นักเรียนต่างชาติภายใต้วีซ่าประเภท F-1 และ M-1 ที่ลงเรียนแต่วิชาทางออนไลน์ ไม่สามารถพำนักอยู่ในสหรัฐอีกต่อไป โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ จะไม่ออกวีซ่าให้กับนักเรียนต่างชาติที่ลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนและ/หรือหลักสูตรที่เรียนเป็นแบบออนไลน์ทั้งหมด  ขณะเดียวกันหน่วยงานคุ้มครองอากรศุลกากรและเขตแดนสหรัฐ ก็จะไม่อนุญาตให้นักเรียนกลุ่มนี้เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาด้วย

 

นั่นหมายความว่า นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในสหรัฐอเมริกา ที่ลงเรียนแบบออนไลน์ทั้งหมดในภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ จะต้องเดินทางออกนอกสหรัฐ หรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้ยังสามารถพำนักอยู่ในสหรัฐต่อไปได้ เช่น ย้ายที่เรียนไปยังสถานศึกษาที่ไม่ได้จัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ทั้งหมด หรือเป็นการเรียนการสอนแบบชั้นเรียนปกติ หรือแบบผสมผสาน (มีทั้งเรียนออนไลน์และในชั้นเรียนปกติ) ไม่เช่นนั้น จะต้องเผชิญกับมาตรการด้านการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งอาจรวมถึงการถูกส่งกลับประเทศด้วย

 

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดและมหาวิทยาลัยเอ็มไอที (Massachusetts Institute of Technology) ได้มีความเคลื่อนไหวโดยได้ยื่นเรื่องฟ้องศาลแล้วเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) โดยฟ้องรัฐบาลสหรัฐกรณีออกคำสั่งดังกล่าว และทางมหาวิทยาลัยคัดค้านการระงับการออกวีซ่าให้พำนักในสหรัฐ แก่นักศึกษาที่เรียนเฉพาะทางออนไลน์เท่านั้น ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไรต้องรอดูกันต่อไป ขณะเดียวกัน นายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก ได้ออกมายืนยันว่า จะจำกัดการเรียนการสอนในห้องเรียน เพียง 1-3 วันต่อสัปดาห์เท่านั้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส และในห้องเรียนจะมีจำนวนคนไม่เกิน 12 คน (รวมครู) ด้านผู้ว่าการรัฐย้ำว่า เขาจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเปิดเรียนอีกครั้งในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนส.ค. หรือไม่

 

ข้อมูลอ้างอิง

Trump Threatens to Cut Funding if Schools Do Not Fully Reopen

The C.D.C. announces it will issue new guidelines for reopening schools, hours after Trump assailed its recommendations

SEVP modifies temporary exemptions for nonimmigrant students taking online courses during fall 2020 semester