TMBAM Eastsping ยืดเวลาจ่ายเงินคืน 4 กองทุน

02 ก.ค. 2563 | 09:39 น.

TMBAM Eastsping ขยายเวลาชำระบัญชี 4 กองทุน เป็นวันที่ 7 ตุลาคม 2563 หวังขายสินทรัพย์สอดคล้องสภาพตลาด เผยจ่ายเงินคืนผู้ถือหน่วยแล้ว 68,000 ล้านบาท

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัดและกรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต อีสท์สปริง เปิดเผยว่า ได้ขอยืดกรอบระยะเวลาการจ่ายเงินคืนผู้ถือหน่วยลงทุนที่ยกเลิกในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 จำนวน 4 กองทุน คือ กองทุนเปิดทหารไทย ธนพลัส (TMBTHANAPLUS), กองทุนเปิดทหารไทย ธนไพศาล (TMBBF), กองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน (TMBSUB) และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ (TMBABF)

TMBAM Eastsping ยืดเวลาจ่ายเงินคืน 4 กองทุน

โดยได้รับการอนุมัติจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จากเดิมครบกำหนดวันชำระบัญชีในวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 เป็นวันที่ 7 ตุลาคม 2563

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้จ่ายเงินคืนผู้ถือหน่วยลงทุนแล้วประมาณ 68,000 ล้านบาท หรือ 34-55% ของสินทรัพย์ (NAV) ในแต่ละกองทุน โดยกองทุน TMBTHANAPLUS จ่ายแล้ว 43% เทียบกับ NAV วันทำการสุดท้ายวันที่ 25 มีนาคม 2563, กองทุน TMBBF จ่ายแล้ว 34% เทียบกับ NAV วันทำการสุดท้ายวันที่ 25 มีนาคม 2563, กองทุน TMBUSB จ่ายแล้ว 46% เทียบกับ NAV วันทำการสุดท้ายวันที่ 24 มีนาคม 2563 และ กองทุน TMBABF จ่ายแล้ว 55% เทียบกับ NAV วันทำการสุดท้ายวันที่ 24 มีนาคม 2563

 

"ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้เห็นการไหลออกของเงินในตลาดตราสารหนี้เกิดใหม่มากเป็นประวัติการณ์ ประมาณ 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่อยู่ภายใต้การจัดการ (AUM)ทั่วโลก รวมถึงราคาตราสารหนี้ปรับตัวลดลงอย่างมาก ทำให้ต้องตัดสินใจระงับคำสั่งธุรกรรมและยกเลิกกองทุน 4 กองทุน เพื่อรักษาผลประโยชน์ ก่อนที่ราคาซื้อขายจะปรับลดลงไปมาก"

 

ขณะเดียวกัน สภาพตลาดปัจจุบันยังไม่ปกติ 100% ซึ่งการเร่งขายสินทรัพย์ของทั้ง 4 กองทุนที่ปัจจุบันเหลือประมาณ 80,000 ล้านบาท ไม่สอดคล้องกับจังหวะและสภาพคล่องที่มีในตลาด จะทำให้มูลค่าเงินที่จะจ่ายคืนแก่ผู้ถือหน่วยลดลงอย่างมาก จึงได้ขอขยายกรอบระยะเวลาจ่ายเงินคืนออกไปอีก 90 วัน"

 

 

ด้านนายพิพัฒน์ พิศณุวงรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน TMBAM Eastspring กล่าวว่า มองภาพรวมการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งคาดการณ์เศรษฐกิจโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว อีกทั้งได้แรงหนุนจากธนาคารกลางส่วนใหญ่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์และออกมาตรการการเงินแบบไม่ปกติ (unconventional measures) ที่หลากหลายมากขึ้น ขณะที่ ภาพรวมตลาดสารหนี้คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง