“สมชัย” เปิดโพลชื่อ โยงปม “ซื้อเสียง” เลือกตั้งซ่อม เขต4 ลำปาง

26 มิ.ย. 2563 | 01:13 น.

เปิดโพลชื่อ โยงปม “ซื้อเสียง” เลือกตั้งซ่อมเขต 4 ลำปาง “สมชัย” อดีตกกต. ย้ำ 3 วิธิพิสูจน์ผล ชี้ สำนักงาน กกต.ทราบดีอยู่แล้ว

แม้ว่าการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดลำปาง เขต 4 จะรู้ผลผู้ชนะไปแล้ว แต่จนถึงขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ก็ยังไม่ประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการ ล่าสุดปรากฏความเคลื่อนไหวของ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการติดตามกรณีที่มีการอ้างว่า มีการซื้อเสียงในการเลือกตั้งซ่อมเขต 4 จังหวัดลำปาง โดยมีเนื้อหาดังนี้

เมื่อค่ำของวันที่ 25 มิถุนายน 2563 มี 1 ใน 30 ชื่อ “ผู้ทำโพล” ติดต่อผมมา ชี้แจงให้ผมฟังหลายเรื่อง

1.เธอระบุว่า เธอไม่เคยให้ชื่อใคร หรือรับเงินจากใคร น่าจะมีคนเอาชื่อเธอไปใส่โดยไม่รู้ไม่เห็น

2. เธอยืนยันว่า มีบุคคลอีก 4 รายใน 30 ชื่อที่วันเลือกตั้งไม่ได้มาใช้สิทธิ์ เนื่องจากอยู่คนละจังหวัด แต่กลับปรากฏชื่อในบัญชี “ผู้ทำโพล” และเชื่อว่าคนเหล่านี้ไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด

ผมเชื่อในความบริสุทธิ์ใจที่โทรมาเล่าเรื่องราวต่างๆ และพอสันนิษฐานได้ว่า

1. บัญชี “ผู้ทำโพล” อาจจะมีทั้งที่ “จ่ายจริง” และ “ใส่ชื่อเอง” โดยเป็นชื่อที่เอามาใส่โดยเจ้าตัวไม่รู้ เพื่อเป็น “บัญชีเบิก” ให้เต็มโควต้าที่ได้มา 30 คน

2. คนที่ถูกเอาชื่อมานี้ อาจไม่ทราบ หรือ อาจถูกญาติพี่น้องใส่ชื่อเพื่อรับประโยชน์แทน

3. สำหรับคนที่ไม่อยู่จริงในวันเลือกตั้ง น่าสนใจว่าได้มีผู้ไปใช้สิทธิแทนหรือไม่ หากปรากฏว่ามีผู้มาใช้สิทธิแทน แสดงถึง กรรมการประจำหน่วยมีปัญหา ที่ กกต.ต้องแจ้งความดำเนินคดีต่อกรรมการประจำหน่วยซึ่งต้องรับโทษสองเท่าของโทษปกติ เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้ง

ข่าวเกี่ยวข้อง

แนวทางการพิสูจน์ไม่ยาก

1.ให้ผู้เสียหาย คือ ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทย ร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งโดยหยิบยกประเด็นการรวบรวมรายชื่อคนเพื่อเตรียมการซื้อเสียงที่อ้างว่าเป็นบัญชีผู้ทำโพล และ สอบผู้มีชื่อดังกล่าวทั้ง 30 รายว่า มีใครมาจดชื่อ เก็บรวบรวมบัตรหรือให้ประโยชน์อื่นใด

2.สอบว่าบุคคลทั้ง 30 คนได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่

3.หากพบว่ามีหลายคนที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ขอให้ กกต. มีคำสั่งเปิดหีบเพื่อดูหลักฐานว่า บุคคลดังกล่าวมีผู้ไปลงชื่อใช้สิทธิแทนหรือไม่ หรือมีลายเซ็นของผู้ใช้สิทธิตรงกับลายเซ็นจริงของคนเหล่านี้หรือไม่

ผมเชื่อว่า วิธีการเหล่านี้ สำนักงาน กกต.ทราบดีแล้วว่า เป็นแนวทางที่ต้องดำเนินการ เพราะเป็นหน่วยงานที่มีประวัติการจัดการเลือกตั้งมากว่า 20 ปี และปรารถนาที่จะเห็นการเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรม จึงไม่จำเป็นต้องแนะนำสิ่งใดอีก