สมาคมแบงก์ ยืนยัน ธนาคารยังจ่ายเงินปันผลรายปี

21 มิ.ย. 2563 | 07:33 น.

สมาคมธนาคารไทยหนุนนโยบาย ธปท. ยันเงินกองทุนแกร่งพร้อมเป็นเสาหลักให้เศรษฐกิจฟื้น

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนสำหรับระยะ 1-3 ปีข้างหน้า โดยคำนึงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต และศักยภาพของลูกหนี้ในการทำธุรกิจภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 คลี่คลาย และในระหว่างที่ธนาคารพาณิชย์จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนใหม่นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานในปี 2563 รวมถึงงดการซื้อหุ้นคืนนั้น เป็นมาตรการเพื่อให้มั่นใจว่า ธนาคารพาณิชย์จะรักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งและรองรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง 

สมาคมแบงก์ ยืนยัน ธนาคารยังจ่ายเงินปันผลรายปี
ทั้งนี้ การงดจ่ายเงินปันผลข้างต้นนั้น จะเป็นเฉพาะเงินปันผลเฉพาะกาล ไม่ใช่การจ่ายเงินปันผลรายปีที่ธนาคารพาณิชย์ยังพิจารณาจ่ายได้ตามสมควร นอกจากนี้ แนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว ถือว่าสอดคล้องกับความเห็นและแนวทางที่เสนอโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ ที่มองว่าธนาคารพาณิชย์ควรให้น้ำหนักกับการสะสมทุนให้เข้มแข็งเพื่อรองรับเหตุการณ์เสี่ยงในภาวะวิกฤตระดับโลก (Pandemic) ในปัจจุบัน

ตลอดจนเพื่อให้สามารถทำหน้าที่หลักในการให้สินเชื่อกับภาคธุรกิจและครัวเรือน และรับมือกับภาระการตั้งสำรองสำหรับหนี้ด้อยคุณภาพที่จะเพิ่มขึ้น ด้วยการงดกิจกรรมอื่น ๆ ที่กระทบต่อเงินกองทุน อาทิ การจ่ายเงินปันผล หรือการซื้อหุ้นคืน แม้ระบบธนาคารพาณิชย์ทั้งในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร จะมีสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในปี 2563 สูงถึง 18.4%และกว่า  20% ตามลำดับ ก็ตาม นอกจากนี้ IMF ยังมองว่าทางเลือกดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นและนักลงทุนผ่านผลตอบแทนที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินกลับเข้าสู่ภาวะปกติ  

สำหรับประเทศไทยในปัจจุบัน ระบบธนาคารพาณิชย์ไทย มีระดับเงินกองทุนที่เข้มแข็ง โดย ณ สิ้นเมษายน 2563 ที่ผ่านมา มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,616,162 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 18.9% ซึ่งนับว่ามีความเข้มแข็งกว่าเกณฑ์เงินกองทุนที่ต้องดำรงขั้นต่ำของ ธปท.ที่ 11.0% (ระดับเงินกองทุนขั้นต่ำที่ 8.5% และ Conservation Buffer  2.5%) และสูงกว่ามาตรฐานสากลของ Basel Committee on Banking Supervision (BCBS) ที่ 10.5%  ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ก็มีการวางแผนเพื่อบริหารจัดการเงินกองทุนเป็นปกติประจำอยู่แล้ว 

นอกจากนี้ ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยก็ยังมีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง ซึ่งเพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจตามปกติ รวมไปถึงรองรับการชำระคืนเงินฝากแก่ประชาชน ตลอดจนหุ้นกู้ให้แก่นักลงทุน โดยระบบธนาคารพาณิชย์ไทยมีสินทรัพย์สภาพคล่องที่ใกล้เคียงเงินสด อาทิ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยและพันธบัตรรัฐบาลถึง 4.38 ล้านล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับความต้องการถอนเงินและใช้เงินในระยะสั้นจากทั้งภาครัฐและเอกชน (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อีกทั้งยังสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยถึง 1.8 เท่า

“ด้วยสถานะทุนและสภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ที่เข้มแข็งในระดับมาตรฐานโลก ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังสามารถทำหน้าที่สำคัญในการขยายสินเชื่อ ช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาทุกกลุ่ม และดูแลจัดการปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพ ขณะเดียวกันมาตรการต่างๆ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ไปได้เช่นกัน ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเราจะผ่านพ้นเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกัน” นายปรีดีกล่าว