ทั้งนี้ ลาลามูฟ ประเทศไทย ร่วมสู้ภัย โควิด-19 โดยให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและภาคเอกชน ขนส่งอาหาร และอุปกรณ์ทางการแพทย์ มากกว่า 2,000 กล่อง ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการกว่า 60 คน ระยะทางขนส่งรวม 550 กม. หรือเทียบเท่ากับระยะทางจากกรุงเทพ – เชียงใหม่ อีกทั้ง มอบโอกาสการสร้างงานและรายได้ให้แก่ผู้ว่างงาน ลดการเคลื่อนย้ายตัวของประชากรกรุงเทพฯ สู่ภูมิภาคต่างๆ เพื่อลดการกระจายเชื้อสู่ภูมิภาคอื่นๆ โดยในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ลาลามูฟ มีจำนวนคนขับเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่า ซึ่งมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ เพื่อหาเลี้ยงชีพในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย
อย่างไรก็ตามหลังพ้นวิกฤตการณ์ ลาลามูฟ คาดว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภคและวิธีการดำเนินธุรกิจ ผู้คนจะปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตสู่ความปกติใหม่ ผู้บริโภคตระหนักถึงสุขภาพอนามัยมากขึ้น การเว้นระยะห่างทางสังคม และการใส่หน้ากากอนามัยจะกลายเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น หากแม้วิกฤติ โควิด-19 จะจบไป แต่มาตรการส่งสินค้าแบบไร้การสัมผัส (Contactless) จะกลายเป็นระเบียบการปฏิบัติของลาลามูฟ นอกจากนี้ เราคาดว่าผู้บริโภคจะคุ้นเคยกับการเลือกซื้อสินค้าและบริการทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น ธุรกิจที่ต้องอาศัยพื้นที่หน้าร้าน อาจต้องเสริมช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น ซึ่งทาง ลาลามูฟ พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการ อำนวยความสะดวกทางด้านโลจิสติกส์ โดยมุ่งเน้นไปที่ระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคก้าวเข้าสู่ New Normal ได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งนี้ ลาลามูฟ พร้อมจะสู้และก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกับทุกคน ตลอดวิกฤตการณ์ โควิด-19 ครั้งนี้