กทม.เร่งแก้ปัญหาความแออัดการเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะ

21 พ.ค. 2563 | 03:12 น.

ผู้ว่า "อัศวิน"เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งมวลชล ทั้ง ระบบล้อ -ราง-เรือ ร่วมถกเพื่อแก้ปัญหาลดความแออัดเมื่อประชาชนเริ่มออกมาทำงานมากขึ้นหลังจากรัฐผ่อนคลายระยะ 2

 

ภายหลังจากประกาศมาตรการผ่อนคลายระยะ 2 ทำให้บริษัทและห้างร้านหลายๆ แห่ง เริ่มเปิดทำการปกติ และประชาชนเริ่มออกไปทำงานหนาแน่นมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าและเย็น แต่มาตรการการเว้นระยะห่างในการเดินทางเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ยังไม่ดีเท่าที่ควร แม้ที่ผ่านมาจะมีการจัดระเบียบผู้โดยสาร การควบคุมจำนวนผู้โดยสาร รวมถึงการเพิ่มความถี่ในการเดินรถมากขึ้นเพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการ

 

จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งระบบ ล้อ ราง เรือ มาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดในระบบขนส่งมวลชน ลดระยะเวลาการรอรถและเรือโดยสาร รวมถึงดูว่าจะช่วยกันสนับสนุนอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง เพื่อให้ประชาชนเดินทางสะดวก ขณะเดียวกันสามารถเว้นระยะห่างระหว่างกันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 เนื่องจากตอนนี้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว หากไม่เร่งแก้ไขปัญหาในการเดินทาง จะส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพและการทำงานของประชาชน

กทม.เร่งแก้ปัญหาความแออัดการเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะ

 

หลังจากการหารือ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปกำหนดแผนการให้บริการ รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการผ่อนคลายที่จะตามมาในอนาคต ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดินทางมากยิ่งขึ้น ได้แก่การเพิ่มขีดความสามารถในการเดินรถและเรือโดยสาร ไม่ให้ผู้โดยสารตกค้างและรอนาน เช่น การเพิ่มความถี่ของขบวนรถ และจำนวนโบกี้ ให้เต็มศักยภาพ

กทม.เร่งแก้ปัญหาความแออัดการเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะ
การขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ รวมถึงภาคเอกชน ปรับเหลื่อมเวลาการทำงาน เพื่อเฉลี่ยคนในการเดินทาง ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาความแออัดในระบบขนส่งเป็นอย่างดี ,การพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเดินรถและเรือโดยสาร เนื่องจากประสบภาวะขาดทุน เพราะแต่ละเที่ยวรถจุผู้โดยสารได้น้อยลง ขณะที่ต้องเพิ่มเที่ยวรถมากขึ้น

กทม.เร่งแก้ปัญหาความแออัดการเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะ
การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ช่วยจัดระเบียบตามป้ายรถประจำทาง สถานีรถไฟฟ้า และสถานีขนส่งต่างๆ เพื่อให้มีการเว้นระยะห่างมากขึ้น
 

 

ผู้ว่า กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้สถานการณ์ในประเทศไทยเริ่มดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ ดังนั้นทุกหน่วยงานยินดีที่จะปรับแผนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน