"แรมโบ้" อัด "เต้น" จ้องขวางรบ.ทำงาน เตือนอย่าให้ต้องแฉ

17 พ.ค. 2563 | 13:13 น.

"สุภรณ์" เดือด อัดอดีตเพื่อนรัก "ณัฐวุฒิ" จ้องขวางรัฐบาลทำงาน เตือนอย่าให้ต้องแฉ แกนนำนปช.

วันที่ 17 พฤษภาคม นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำนปช. เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และไปใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ว่าเรื่องของการพิจารณา พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ทั้งนี้จะต้องพิจารณาควบคู่กับด้านสาธารณสุขด้วย ซึ่งหากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังไม่นิ่ง ก็ยังไม่สามารถยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ทันที 

 

ขณะเดียวกันนายกฯ ยังได้ให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปพิจารณาศึกษาเปรียบเทียบความจำเป็นในการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ซึ่งนายวิษณุ ก็ระบุแล้วว่าหากใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ที่ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารจัดการอาจเกิดความลักลั่นได้ เช่น บางจังหวัดอาจตึง บางจังหวัดอาจหย่อนยาน เหมือน จ. ภูเก็ต กระบี่ และพังงา ที่เคยเกิดปัญหาก่อนหน้านี้ ที่มีการโยกย้ายของคน จึงจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาคุมอีกฉบับหนึ่ง  และรัฐบาลได้ใช้กฎหมายทั้งสองฉบับนี้คู่ขนานกันมาตลอด

นายสุภรณ์ กล่าวว่า ที่นายกฯยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ ไม่ใช่เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหว หรือปฏิกิริยาของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล เพราะนายกฯไม่มีเวลามาคิดเรื่องการเมือง หรือความเคลื่อนไหวใดๆ ในขณะนี้เพราะต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเป็นหลัก ทั้งนี้นายกฯพร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่าย หากเป็นไปอย่างสร้างสรรค์

 

"วันๆสมองของนายณัฐวุฒิคิดแต่เรื่องกล่าวหาโจมตีนายกรัฐมนตรีไม่เคยคิดอะไรที่สร้างสรรค์ การคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินมีความจำเป็นแล้วแต่ค่อยๆ ทยอยผ่อนปรนทีละระยะๆ ทำให้ไม่ผิดพลาด ไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย ไม่รู้นายณัฐวุฒิเอาสมองส่วนไหนมาคิดว่านายกฯต้องการคงไว้เพื่อควบคุมการชุมนุมและการวิพากษ์วิจารณ์ของนักการเมืองฝ่ายค้าน สมองคิดได้แค่นี้จริงๆ น่าสงสารคิดแบบปัญญาอ่อนที่สุด นายณัฐวุฒิอย่าพยายามทำลายสมาธิการทำงานของนายกฯเลยไม่ได้ผลหรอก เพราะนายกฯและศบค.เดินมาถูกทางจนทั่วโลกให้การยอมรับชื่นชมการแก้ปัญหาโควิดของประเทศไทย ก็มีแต่พวกขี้อิจฉาริษยานั่นแหละที่ไม่เคยชื่นชมนายกฯและรัฐบาล ทั้งที่ทุ่มเททำงานจนสามารถควบคุมปกป้องให้คนไทยสูญเสียน้อยที่สุดจากไวรัสโควิด"นายสุภรณ์ กล่าว

"ผมว่านายณัฐวุฒิควรนิ่งๆ ตั้งสมาธิทบทวนตัวเองในอดีตว่าเคยคิดร้ายอะไร ทำอะไรให้บ้านเมืองเสียหายย่อยยับบ้างหรือเปล่า ดีกว่าที่จะออกมาพูดจายุยงปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังรัฐบาลและนายกฯ เพื่อให้กลับไปมีชุมนุมชุลมุนวุ่นวายอีก เหมือนที่เคยทำกันมาจนบ้านเมืองเสียหายย่อยยับ เศรษฐกิจพังพินาศ มีอดีตแกนนำนปช.เช่นนายสมหวัง อัสราษี และคนเสื้อแดงจำนวนมากที่คิดผิดกลับตัวกลับใจหลายคนพูดคุยกับผม บางคนมาพบผมด้วยตัวเองพร้อมจับมือร่วมกัน จะช่วยกันทำงานเสียสละเพื่อประเทศชาติและประชาชน เรายังมีโอกาสที่สังคมจะให้อภัยพวกเรา แต่คนอย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อได้โบนัสเป็นถึงรัฐมนตรีสองกระทรวงยากที่จะกลับตัวกลับใจอย่างแน่นอน"


นายสุภรณ์ กล่าวว่า จำเป็นต้องทำงานตอบแทนบุญคุณเจ้านายเก่าจนวันตายเขายอมตายเพื่อตอบแทนบุญคุณไม่ได้มีอุดมการณ์อะไรหรอก มีแต่อำนาจและผลประโยชน์ต่างตอบแทนมากกว่า อย่าให้ตนแฉอะไรมากกว่านี้เลยพวกท่านจะไม่เหลือคุณค่าความเป็นมนุษย์ แม้แต่จะเดินบนถนนต้องเอาปี๊บมาคลุมหัว ซึ่งนายสมหวัง อัสราษี ฝากเตือนมาบอกด้วยว่า มีแกนนำบางคนที่เอาเงินที่ประชาชนบริจาคช่วยเหลือค่าทำศพวีรชนและช่วยเหลือครอบครัวนับสิบๆล้านบาทแต่กลับนำไปใช้ส่วนตัวจนทำให้นายสมหวังถูกสรรพากรฟ้องล้มละลาย สักวันหนึ่งนายสมหวังจะออกมาพูดความจริง ถ้าแกนนำคนนั้นไม่หยุดนิ่งและยังออกมาทำตัวปากดีมากนัก แต่นายสมหวังยังไม่เอ่ยชื่อตอนนี้ว่าเป็นใครจะขอชี้แจงด้วยตัวเองเมื่อมีโอกาสเหมาะๆ