“ดร.กนก”แนะรัฐเตรียมนโยบายรับแรงงานคืนถิ่น

28 เม.ย. 2563 | 01:51 น.

“ดร.กนก”เผย ช่วงที่มีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 รัฐบาลควรเตรียมความพร้อมทางนโยบายเพื่อรองรับแรงงานกลับคืนสู่ท้องถิ่นในการประกอบอาชีพ-ดำเนินชีวิต เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสของเกษตรชนบท

28 เมษายน 2563 ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงถึงแรงงานเมืองที่กลับคืนสู่ท้องถิ่นในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19ว่า รัฐบาลควรต้องเตรียมความพร้อมทางนโยบายเพื่อรองรับแรงงานเหล่านี้ในการประกอบอาชีพ และการดำเนินชีวิต ด้วยการเปลี่ยนวิกฤติให้กลายเป็นโอกาสของเกษตรชนบท ในการร่วมพลิกฟื้นระบบเกษตรไทย

​“ผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด 19 ต่อเศรษฐกิจไทยที่สำคัญเรื่องหนึ่ง คือการเคลื่อนตัวออกจากเมืองของแรงงาน หลังไม่มีงานให้พวกเขาทำ ซึ่งคาดกันว่ามีจำนวนประมาณ 3-5 ล้านคน นั่นเพราะแรงงานกลุ่มนี้ส่วนใหญ่แล้วมีภูมิลำเนาอยู่ตามต่างจังหวัด มาอาศัยอยู่ที่เมืองใหญ่ด้วยการเช่าที่พักอาศัย เพื่อแลกกับจำนวนรายได้ที่สร้างความพึงพอใจในแต่ละบุคคลล ดังนั้น เมื่อไม่มีงาน ขาดรายได้ การหยุดหรือลดรายจ่ายที่ง่ายที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นการกลับบ้าน เพื่อตัดค่าเช่าบ้าน และลดค่าครองชีพที่สูงลงมา

แต่คำถามที่น่าสนใจก็คือ เมื่อแรงงานเหล่านี้คืนสู่ท้องถิ่นแล้ว การดำเนินชีวิตต่อไปของพวกเขาควรเป็นไปในแนวทางใดซึ่งคำตอบที่ผมพอจะมองเห็นตอนนี้ เป็นการเข้าไปประสานกับภาคการเกษตรของชนบท ในการยกระดับระบบเกษตรไทยให้สามารถสร้างมูลค่าทั้งด้านรายได้และผลผลิตอย่างเต็มประสิทธิภาพ”

อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ยังได้แนะนำให้รัฐบาลบริหารจัดการกับเงื่อนไข 2 ประการเพื่อยกระดับ “เกษตรชนบท” ให้กลายเป็น “เกษตรมูลค่าสูง” ดังนี้

1.จัดหาแหล่งน้ำและที่ดินทำกินให้กับเกษตรกรในชนบท เพราะน้ำคือชีวิตของเกษตรกร ถ้าไม่มีน้ำทุกอย่างก็จะผูกไว้กับน้ำฝนตามธรรมชาติที่ไม่มีความแน่นอน ส่วนที่ดินเพื่อการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ เป็นปัจจัยการผลิตที่เกษตรกรไม่มีไม่ได้

2.ระบบขนส่ง (logistic) และเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีศักยภาพสูง (5G) เพราะการทำเกษตรมูลค่าสูงนั้นต้องใช้เทคโนโลยีกำกับตลอดกระบวนการผลิตจนไปถึงมือผู้บริโภค ดังนั้น โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีต้องมีเสถียรภาพ และค่าใช้จ่ายต้องไม่เป็นภาระต่อเกษตรกร

“นี่คือส่วนประกอบสำคัญของการเกษตรไทยรูปแบบใหม่ที่ “ทำน้อย ได้มาก” ด้วยเทคโนโลยี และระบบการจัดการที่ทันสมัย กับความหลากหลายทางชีวภาพ และทักษะอันเฉพาะตัวของชนบท ซึ่งก็คงต้องไปสู่คำถามต่อมาว่า แล้วจะทำอย่างไรให้ “แรงงานในเมือง” กับ “เกษตรกรชนบท” ทำงานร่วมกันได้ เพราะนี่คือต้นทางของการเพิ่มผลผลิต (Productivity) และการสร้างมูลค่าใหม่ (Value Creation) ทางการเกษตร ทั้งในแง่กระบวนการและผลลัพธ์ ที่อาจบอกได้ว่าเป็นการ “พลิกฟื้นระบบเกษตรไทย” ในสายตาของผม”