ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักวิเคราะห์ ตลาดการเงิน และการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ไทยพาณิชย์ ระบุว่า ประเด็นน่าสนใจที่สุดในคืนที่ผ่านมา คือราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ลงไปซื้อขายในระดับติดลบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จากความกังวลว่าในสหรัฐจะไม่มีสถานที่ใช้กักเก็บน้ำมันดิบเพียงพอ และกำลังการผลิตไม่สามารถลดลงได้ทันท่วงที
การเคลื่อนไหวดังกล่าว กดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง 1.79% นำโดยกลุ่มพลังงาน สาธารณูปโภค และอสังหาริมทรัพย์
ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10ปีปรับตัวลงมาที่ระดับ 0.60% เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าภาพความผันผวนของราคาน้ำมันนี้ จะส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ของหลายบริษัทตามมา โดยบอนด์ยีลด์อิตาลีได้รับผลกระทบแรงที่สุดและปรับตัวขึ้น 14bps แตะระดับ 1.93% สูงที่สุดในรอบหนึ่งเดือน
ฝั่งของตลาดเงิน ปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกกับดอลลาร์สหรัฐมากที่สุด โดยสกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันอย่างดอลลาร์แคนาดา (CAD) ปรับตัวลดลง 0.88% ขณะที่ในภาพใหญ่สกุลเงินที่อ่อนค่าลงมากที่สุด คือรูเบิลรัสเซีย (RUB) และเรอัลบราซิล (BRL) ที่ร่วงลงถึง 2.06% และ 1.54% จากช่วงสิ้นวันศุกร์
ส่วนการลงทุนในเอเชียและเงินบาท วันนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกกดดันไปด้วย เนื่องจากประเทศในกลุ่ม Emmerging Markets มีสัดส่วนในกลุ่มพลังงานสูง
อย่างไรก็ดี ในมุมของเศรษฐกิจไทย การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันอย่างรวดเร็วนี้ น่าจะส่งผลบวกต่อจีดีพีในระยะสั้นเนื่องลดการนำเข้า และทำให้เกิดการเกินดุลบัญชีการค้า แต่ในระยะยาวก็ประมาทไม่ได้ เนื่องจากถ้าไม่สามารถกลับมาเปิดเมืองได้ ก็จะไม่ได้รับอานิสงส์ในจุดนี้ สวนทางกับการลงทุนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่จะชะลอตัวลงในอนาคต