“หมอธีระ”คาดพ.ค. ไทยจบโควิด5พันคน รัฐผ่อนปรนกิจกรรมได้

11 เม.ย. 2563 | 05:41 น.

“หมอธีระ”คาดสถานการณ์โควิดในไทย จบเม.ย.มีผู้ติดเชื้อ 3,625 คน และปลาย พ.ค.ราว 5,100 คน แนะรัฐต้องมีมาตรการเพิ่มทั้ง “บู๊-บุ๋น” ชี้หลังพ.ค.รัฐอาจต้องผ่อนปรนมาตรการให้ประชาชนเริ่มประกอบสัมมาอาชีพได้มากขึ้น

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thira Woratanarat ถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ระบุว่า ...

10 เมษายน 2563
โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรศ.ดร.พญ.ภัทรวัณย์ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

การระบาดวันนี้เหมือนเราจะกลับมาสู่ New normal 
วันนี้รัฐบาลแจ้งว่ามีคนติดเชื้อรายใหม่ 50 คน รวมแล้วมีจำนวนสะสมทั้งสิ้น 2,473 คน

หากเชื่อว่าตัวเลข 51, 38, 54 และ 50 เป็นบรรทัดฐานปกติของการระบาด แต่วันที่มี 102 และ 111 นั้นเป็นภาวะผิดปกติที่โผล่มาเป็นครั้งคราวและเราจะพยายามป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก

อัตราเพิ่มเฉลี่ยวันละประมาณ 50 รายนี้ จะทำให้เราฉุดกราฟการระบาดของประเทศจาก 33% ณ ช่วงก่อน 19 มีนาคม มาแตะเส้น 10% ได้ภายใน 26 วัน...ต้องนับถือไทยเราว่าสามารถร่วมแรงร่วมใจกันจัดการโรคระบาดนี้ได้คล้ายเกาหลี (กราฟเส้นโค้งสีเขียว)

 “หมอธีระ”คาดพ.ค. ไทยจบโควิด5พันคน รัฐผ่อนปรนกิจกรรมได้

แทบทุกประเทศที่คุมโรคระบาดนี้ล้วนต้องเจอปัญหาท้าทายที่จะทำอย่างไรให้กดให้ต่ำลงไปเรื่อยๆ และนานๆ
ช่วงที่กดจากกราฟชันๆ มาให้แบนนั้นว่าท้าทายแล้ว แต่ที่ท้าทายยิ่งกว่า คือการกดให้ต่ำลงเรื่อยๆ ในระยะถัดจากนี้ไปเพื่อหวังจะทำให้จบเกมส์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตอนนี้ไทยเราเริ่มคุมสถานการณ์โดยรวมได้ดี แต่จะกดให้ต่ำกว่านี้ต้องมุ่งเป้าที่กลุ่มไข่แดงที่เข้าถึงยาก หรือปรับพฤติกรรมยาก ได้แก่ กลุ่มคนยากจน กลุ่มคนด้อยโอกาส ชุมชนแออัด กลุ่มอาชีพที่ยังทำงานและติดต่อผู้คนจำนวนมากในแต่ละวัน กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อผ่านกิจกรรมทางศาสนา/วัฒนธรรม/ยาเสพติด/การพนัน รวมถึงกลุ่มคนที่เดินทางจากต่างประเทศ

กลุ่มต่างๆ เหล่านี้ ต้องการมาตรการเพิ่มเติมทั้งบู๊และบุ๋น ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายให้เคร่งครัดเข้มงวด และการจัดระบบบริการเชิงรุกถึงพวกเค้า ทั้งการป้องกัน การให้ความรู้ผ่านสื่อต่างๆ การจัดบริการตรวจคัดกรอง และการส่งต่อเคสเข้าสู่ระบบบริการดูแลรักษา และการติดตามผลหลังกลับบ้านไปแยกตัวสังเกตอาการจนหายดี

จากการคาดการณ์ เราจะจบเมษายนด้วยตัวเลขประมาณ 3,625 คน และปลายพฤษภาคมด้วยตัวเลขเกือบ 5,100 คน แต่หลังจากพฤษภาคมเป็นต้นไป รัฐบาลอาจจำเป็นต้องผ่อนปรนมาตรการในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถเริ่มประกอบสัมมาอาชีพได้มากขึ้น

ดังนั้น เหลือเวลาอีกเพียงประมาณ 1 เดือน ที่เราจะต้องขบคิด วางแผนเพื่อจัดระบบควบคุมป้องกันและดูแลรักษาโรคให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ตรงกับจริตการใช้ชีวิตของเขา และร่วมกันสร้างวัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่จะสามารถอยู่กับโรคระบาดไปได้อย่างมีสติ จนกว่ามันจะค่อยๆ หายไป ซึ่งอาจใช้เวลาอีกราว 6-9 เดือนครับ


ขอพลังจงอยู่กับเราทุกคนครับ
#อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ
#StayHome #อยู่บ้านกันนะครับ
#โรคติดต่อจะไม่ติดต่อถ้าเราไม่ติดต่อกัน
#ออกจากบ้านยามจำเป็นจริงๆ
#ถ้าออกนอกบ้านต้องใส่หน้ากากและอยู่ห่างคนอื่นอย่างน้อย1เมตร
#ดูแลครอบครัวและคนใกล้ชิด
#แบ่งปันและช่วยเหลือคนยากไร้ใกล้บ้าน
#เลือกเสพข่าวอย่างมีสติ

...ไทยต้องทำได้ครับ ^_^