นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.ได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย กรอบวงเงินสินเชื่อลูกค้าธนาคาร 20,000 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้ามีเงินทุนและสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินชีวิตประจำวันหรือดำเนินธุรกิจ และช่วยให้ฐานะการเงินของลูกค้าปรับตัวดีขึ้นจนมีความสามารถในการผ่อนชำระได้ต่อไป
ทั้งนี้ลูกค้าที่มีสิทธิ์ขอใช้มาตรการ ต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น สงครามการค้า ภัยแล้ง จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหรือ Covid-19 ซึ่งครอบคลุมทั้งลูกค้าที่ยังมีสถานะปกติ และลูกค้าที่มีสถานะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) แบ่งเป็น 3 กรณี ประกอบด้วย
1.กรณีอยู่ระหว่างการใช้อัตราดอกเบี้ยตาม Promotion ซึ่งยื่นคำร้องได้ถึง 30 ธ.ค. 2563 โดยให้ชำระเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน (ยกเว้นลูกค้าโครงการสินเชื่อตามที่ธนาคารกำหนด) และเมื่อผ่อนชำระครบตามเงื่อนไข สามารถกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของสัญญาเดิม
2.กรณีพ้นระยะเวลาการใช้อัตราดอกเบี้ยตาม Promotion ที่ยื่นคำร้องได้ถึง 30 ธ.ค. 2563 ให้ผ่อนชำระอัตราดอกเบี้ย MRR -1.25% ต่อปี ให้ชำระเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และให้พักชำระดอกเบี้ยค้างเดิมไว้ก่อน โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. เท่ากับ 6.375 % ต่อปี เมื่อผ่อนชำระครบตามเงื่อนไขให้กลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของสัญญาเดิมสำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าสวัสดิการ
ส่วนลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อเพื่อซื้อหรือปลูกสร้างแฟลต ให้ใช้อัตราดอกเบี้ย MLR -1.25% ต่อปี ให้ชำระเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และให้พักชำระดอกเบี้ยค้างเดิมไว้ก่อน โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR ธอส. เท่ากับ 5.875 % ต่อปี เมื่อผ่อนชำระครบตามเงื่อนไข สามารถกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของสัญญาเดิม
3.กรณีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา Covid-19 ที่รายได้ ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินงวดผ่อนชำระไม่เกิน 4 เดือน คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 1.00% ต่อปี และให้ชำระเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน เปิดให้ยื่นคำขอใช้มาตรการได้ถึง 30 มิ.ย. 2563