ปรับแผนจัดหาก๊าซ นำเข้าLNGเหลือ25.9 ล้านตัน

21 ก.พ. 2563 | 02:25 น.

เปิดแผนบริหารจัดการก๊าซฯ ฉบับใหม่ ความต้องการใช้พุ่ง 0.7% จากการผลิตไฟฟ้า และอุตสาหกรรม ขณะที่การใช้ในโรงแยกก๊าซ และภาคขนส่ง ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ระยะยาวนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีลดลงเหลือ 25.9 ล้านตันต่อปี จากแผนเดิม 34 ล้านตันต่อปี

การจัดทำแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ 2561-2580 ฉบับใหม่ ถือเป็นหนึ่งในแผนบูรณาการพลังงานระยะยาว (TIEB) ของกระทรวงพลังงาน ที่ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งมีการปรับปรุงขึ้นมาใหม่จากแผนเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพี 2018 ที่ปรับปรุงใหม่ และให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตามปริมาณก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ในอ่าวไทย รวมทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจและแผนการขยายโครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และแนวโน้มการใช้ก๊าซเอ็นจีวีของรถยนต์ที่ลดลง

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ที่สอดรับกับแผนพีดีพีนั้น เมื่อสิ้นแผนปี 2580 จะมีความต้องการใช้ก๊าซอยู่ที่ 5,348 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 0.7% แต่เนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซภาคขนส่งและโรงแยกก๊าซ ลดลง ที่สำคัญก๊าซธรรมชาติในประเทศสามารถผลิตได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจีลดลงเมื่อเทียบกับแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ 2015

ปรับแผนจัดหาก๊าซ นำเข้าLNGเหลือ25.9 ล้านตัน

ดังนั้น การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี ผ่านโครงข่ายท่อบนบก ตามแผนที่ปรับใหม่ ปี 2563 จะนำเข้าแอลเอ็นจี 5.7 ล้านตัน ปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 7.9 ล้านตันต่อปี และปี 2565 นำเข้า 9.9 ล้านตันต่อปี และหลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 1 ล้านตันต่อปี ไปถึงปี 2580 จะนำเข้า 22.2 ล้านตันต่อปี ขณะที่แผนพีดีพีฉบับปรับปรุงใหม่ กำหนดให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าภาคใต้เกิดขึ้นใหม่ จำเป็นต้องจัดหาก๊าซแอลเอ็นจีป้อนความต้องการของโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีและโรงไฟฟ้าขนอม ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจะมีการก่อสร้างคลังแอลเอ็นจี ขนาด 5 ล้านตันต่อปี มารองรับ เพื่อป้อน แอลเอ็นจีให้โรงไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไปในปริมาณ 1.5 ล้านตันต่อปี และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2580 อยู่ที่ 3 ล้านตันต่อปี

นอกจากนี้ยังมีการเตรียม ความพร้อมไว้สำหรับโรงไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ในปี 2572 ซึ่งจะมีการก่อสร้างคลังแอลเอ็นจีหรือใช้เรือลอยน้ำ FSRU ขนาด 2 ล้านตันต่อปี เพื่อป้อนโรงไฟฟ้าอีกปีละ 7 แสนลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เมื่อรวม ปริมาณการนำเข้าแอลเอ็นจีทั้งหมดสิ้นแผนปี 2580 จะอยู่ที่ 25.9 ล้านตันต่อปี เมื่อเทียบกับแผนเดิมนำเข้าแอลเอ็นจีเมื่อสิ้นแผนปี 2579 อยู่ที่ 34 ล้านตันต่อปี

หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,550 วันที่ 20 - 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ปรับแผนจัดหาก๊าซ นำเข้าLNGเหลือ25.9 ล้านตัน