จีนเป็นตลาดนำเข้ารังนกที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยผลิตภัณฑ์รังนกไทยได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคชาวจีนในฐานะสินค้าพรีเมียม ทั้งในด้านคุณภาพ ขนาด รสชาติ เนื้อสัมผัส และกลิ่นหอมจากสภาพภูมิอากาศของไทยที่ดี และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร
ในปัจจุบัน ไทยผลผลิตรังนกได้ปีละ 200 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งหากจำหน่ายรังนกในไทยจะได้ราคาประมาณกิโลกรัมละ 80,000 - 120,000 บาท แต่ถ้าหากไปจำหน่ายในจีนจะได้ราคาสูงสุดถึง กิโลกรัมละ 1 ล้านบาทซึ่งสามารถสร้างมูลค่าและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้ไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม เส้นทางรังนกไทยที่จะไปจำหน่ายในจีนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หลังจากที่ทางการจีนสั่งระงับการนำเข้ารังนกที่ยังไม่แปรรูปจากต่างประเทศในปี 2554 เนื่องจากรัฐบาลจีนพบสารไนไตรท์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในระดับเกินมาตรฐานปนเปื้อนอยู่ในรังนกมาเลย์ และปัญหารังนกปลอมที่ทะลักเข้าสู่ตลาดจีนเป็นจำนวนมาก ฝ่ายไทยต้องใช้เวลาถึง 6 ปีในการเจรจาเพื่อให้ฝ่ายจีนปลดล็อกคำสั่งระงับการนำเข้ารังนกจากต่างประเทศ จนกระทั่งปี 2560 ได้รับอนุญาตให้นำเข้าสู่จีน ส่งผลให้ยอดส่งออกรังนกของไทยเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 ตัน คิดเป็นอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 12 เท่าตัว
ความต้องการบริโภครังนกในตลาดจีนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคิดเป็นเงินมูลค่ามหาศาลกับโอกาสทางธุรกิจที่ผู้ค้าจากหลายประเทศกำลังจ้องมองและอยากคว้าเอามาไว้ในมือ ในขณะที่ความเชื่อใจในคุณภาพของรังนกไทยของผู้บริโภคจีนยังเป็นแต้มต่อ ทำให้ยังมีพื้นที่ให้ผู้ประกอบการไทยได้บุกตลาดจีนได้อีกมาก อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการไทยควรพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคจีนด้วย เช่น ชาวจีนส่วนใหญ่ไม่นิยมบริโภคอาหารที่มีรสชาติหวานและเย็น ดังนั้น รังนกพร้อมดื่มที่เน้นเจาะตลาดจีนจึงไม่ควรมีรสหวานจนเกินไป รังนกสูตรไม่มีนํ้าตาลหรือ Low Fat เป็นอีกหนึ่งชนิดสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้รักสุขภาพ ผู้มีปัญหาโรคอ้วน เพื่อเอาชนะใจกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูง
นอกจากนี้ การพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมรังนกก็ยังสามารถดึงดูดความสนใจและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคชาวจีนได้ อาทิ การทำขนมต่างๆ ไส้รังนก อีกทั้งชาวจีนนิยมซื้อรังนกในแทบทุกโอกาสโดยชาวจีนบางคนมองว่า รังนกเป็นอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงสุขภาพและเป็นอาหารเสริมความงามจากภายในสู่ภายนอกที่สามารถบริโภคได้เป็นประจำและสม่ำเสมอ
สิ่งที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้ามอีกอย่างหนึ่ง คือ การใช้แพลตฟอร์ม E-Commerce เช่น Tmall และ JD ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจในการเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีน เพราะตลาด E-Commerce ของจีนมีขนาดใหญ่มาก ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อหาสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่าการซื้อสินค้าหน้าร้าน และนิยมสินค้าจากต่างประเทศ ถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีความสนใจในการเจาะตลาดจีน ซึ่งช่องทางค้าออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการนั้นถือได้ว่ามีความได้เปรียบด้านต้นทุนการจำหน่าย การกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน รวมถึงความสะดวกและรวดเร็ว
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยที่ประสงค์ส่งสินค้ารังนกและผลิตภัณฑ์ไปจีนสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับระบบการผลิตสินค้ารังนกได้ทาง สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ (สพส.) กรมปศุสัตว์ เพื่อประสานงานต่อไปยังหน่วยงาน CNCA ในการขอขึ้นทะเบียนโรงงานต่อไป และผู้ที่สนใจทำธุรกิจรังนกบ้านสามารถศึกษาแนวปฏิบัติตามมาตรฐานการจัดการบ้านนกแอ่นกินรังตามข้อกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร ที่สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)
หน้า 23 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,546 วันที่ 6 - 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563