แบงก์สู้ดิสรัปต์ปั้นคนไอที

04 ก.พ. 2563 | 03:00 น.

แบงก์รุกคืบ ซุ่มสร้างคนไอที ชิงคนเก่งข้ามธุรกิจ “นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล” สกิลยอดนิยม ปีนี้ค่ายกสิกรรับพนักงานเกือบ 3,000 คน พร้อมวางมิสชันระยะยาว ส่ง “KX” สร้างฟินเทคยูนิคอร์น สิ้นปีสาขาแบงก์ลด 227 แห่ง ส่วนกรุงไทยนำโด่งลดพนักงาน

 

การเขย่าองค์กรของภาคธนาคารในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพื่อตอบโจทย์การแข่งขันยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคหันมาทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงกิ้งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารพาณิชย์พยายามดึงลูกค้าให้มาอยู่บนแพลตฟอร์มมือถือมากขึ้น ความจำเป็นในการมีสาขาและพนักงานจำนวนมากมีน้อยลง โดยจะเห็นว่า สิ้นปี 2561 ธนาคารพาณิชย์ 15 แห่งมีสาขาทั้งสิ้น 6,508 สาขา ลดลง 227 สาขาจากสิ้นปี 2561 ที่มีทั้งสิ้น 6,735 สาขา ซึ่งส่วนใหญ่ลดลง ยกเว้นธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย ที่เปิดสาขาเพิ่ม 67 สาขาและธนาคารเกียรตินาคินเพิ่ม 3 สาขา

ขัตติยา อินทรวิชัย

 

อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนพนักงานธนาคารส่วนใหญ่จะลดลงตามสาขาที่ลดลง โดยเฉพาะธนาคารกรุงไทยปีที่ผ่านมา ลดลงมากสุดถึง 8,226 คน และยังมีแผนที่จะยุบสาขา 50-70 แห่งภายใน 3 ปีและลดพนักงานลงอีก 30% จากพนักงานทั้งหมดราว 21,000 คน แต่กลับพบว่า ธนาคารกรุงศรีรับพนักงานเพิ่ม 1,596 คน โดยเฉพาะบุคลากรด้านไอที หรือนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลยังเป็นที่ต้องการในวงการธนาคาร

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทยเปิดเผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างสรรหาพนักงานในฝั่งบริษัท กสิกร บิซิเนส เทคโนโลยี กรุ๊ปฯ(KBTG)ทั้งโปรแกรมเมอร์ การทําโคตติ้งหรือ Machine Learning ซึ่งบางตำแหน่งในประเทศแทบไม่มีแถมต้องสู้กับฟินเทครายใหญ่ที่เสนอเงินเดือนให้สูง แต่ก็มีคนไทยเก่งๆที่คิดจะกลับมาดูแลพ่อแม่และเลือกทำงานกับกสิกรไทย

 

นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัท ไคไต้ เทคโนโลยี จำกัด(KAITAI Tech)ในจีนเป็นการลงทุนในมนุษย์ โดยจ่ายเงินเดือนพนักงานที่เหลือจะร่วมกับพันธมิตร เพื่อสร้างนวัตกรรมและสนับสนุนเทคโนโลยีกับเคแบงก์ไชน่า ซึ่งปีนี้จะทำ รีเทลแบงกิ้ง ส่วนการสรรหาพนักงานก็เลือกวิธีทั้งคุยกับบริษัทและตัวบุคคลอาจจะว่าจ้างเป็นโครงการหรือรับเป็นพนักงาน เช่น ใน KBTG ก็ว่าจ้างพนักงานสัญชาติเวียดนามเข้ามาร่วมทำงานรวม 120 คนและหลังเปิดตัว KAITAI Tech จะมีพนักงานหลายประเทศเพิ่มขึ้น

สอดคล้องกับนางสาวหทัยพร เจียมประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทยกล่าวว่า ภาพรวมความต้องการพนักงานยังคงมีอยู่ในทุกองค์กร โดยเฉพาะธุรกิจธนาคารรวมทั้งกสิกรไทยที่มีเป้าหมายในการเพิ่มอำนาจให้ทุกชีวิตและธุรกิจของลูกค้า ประกอบกับมีข้อมูลที่ไหลเข้ามาเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีคนเก่งที่สามารถทำความเข้าใจกับลูกค้าได้มากขึ้น ส่วนใหญ่จึงมีการรับสมัครทีมงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ต้องการรับสมัครทีมงานทั้งระดับผู้บริหารและพนักงานรวมเกือบ 3,000 คน จากที่มีีพนักงานประมาณ 2.3 หมื่นคน ขณะที่การลาออกของพนักงานมีแนวโน้มลดลงประมาณ 5%

แบงก์สู้ดิสรัปต์ปั้นคนไอที

ทั้งนี้จะแบ่งพนักงานเป็น 2 ส่วนคือ การรีสกิลและอัพสกิล โดยเน้นด้านเทคโนโลยี ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้พนักงานมีประสิทธิภาพ ส่วนงานดิจิทัลแบงกิ้ง ซึ่งต้องการรับคนมาสร้างนวัตกรรมและโปรดักต์ใหม่ๆให้กับธนาคาร เช่น สกิลที่ตลาด และเราก็ต้องการตอนนี้คือ Data scientist  Data Analytics ซึ่งจะทำงานทั้งกับแบงก์และบริษัทในเครือเช่น KBTG

“วันนี้ค่ายบริษัทใหญ่ ต่างต้องการคนในตลาด จึงไม่ใช่ดึงตัวข้ามแบงก์ แต่จะเป็นการย้ายข้ามอุตสาหกรรมกันไม่ว่าพลังงาน การผลิต รีเทลรวมถึงฟินเทค เพราะบริษัทอื่นก็ต้องการเช่นกัน”

สำหรับ Data Scientist จะมีอาชีพภายในอยู่หลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นคนทำ AI หรือ Machine Learning รวมถึง Cyber Security ซึ่งเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับคนไทยและเป็นสกิลที่หายาก รวมถึงอาชีพนักสร้างประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ๆที่ง่ายและโดนใจลูกค้า( UX-UI: User Experience-User Interface)

 

ด้านค่าจ้างพนักงานนั้น เมื่อธนาคารต้องการคนเก่งก็ต้องสามารถแข่งขันได้ แต่เงินเป็นปัจจัยเดียวที่ซื้อคนยุคใหม่ เพราะเมื่อคนเก่งแต่ละรุ่นได้เข้ามาทำงานกับกสิกรไทยส่วนใหญ่มองมูลค่าเพิ่มด้านอื่นๆ เช่น เป็นโอกาสได้ความรู้ ซึ่งครอบคลุมทั้งการเรียนรู้จากการทำงาน ทดลองทำสิ่งใหม่ที่เป็นประโยชน์กับองค์กรกับลูกค้าและสังคมหรือทำโครงการต่างๆ รวมถึงทุนการศึกษา และการเรียนคอร์สออนไลน์ กับมหาวิทยาลัยชื่อดังในต่างประเทศ ที่สำคัญเป็นโอกาส ได้ส่งต่อความก้าวหน้าให้พนักงานรุ่นถัดไป ได้เติบโตในอาชีพ

นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG กล่าวว่า ปีที่แล้วได้ก่อตั้งบริษัท KASIKORN-X หรือ KX เมื่อทำหน้าที่เป็น New S-Curve สร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆให้กับกลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารกสิกรไทยพันธกิจหลักคือการสร้างฟินเทค ยูนิคอร์น ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาว(Mission)เฉลี่ยประมาณ 7 ปี โดยปีนี้น่าจะมีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาทและจะมีผลงานออกมาประมาณในไตรมาส 4 ส่วน KAITAI Tech โจทย์ปีนี้ต้องเฟ้นหาพนักงานเข้ามา 78 คนก่อนจะเพิ่มเป็น 300 คนภายใน 3 ปี

หน้า 13-14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3545 วันที่ 2-5 กุมภาพันธ์ 2563