เชียงการีลา ส่งไซซ์จิ๋วเจาะฟู้ดคอร์ต

นายบัญชา พจชมานะวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัตตาคารแกรนด์เชียงการีลา จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากแนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารเมืองไทยที่ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร้านอาหารหลายแบรนด์ต่างเริ่มมีการทำการตลาดเชิงรุก พร้อมทั้งปรับตัวในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายและสร้างการเติบโตในระยะยาวให้มากที่สุด โดยในส่วนของบริษัทเองได้มีการเดินหน้าทำกิจกรรมการตลาด พร้อมทั้งแตกไลน์โมเดลใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในช่วงปลายปีที่ผ่านบริษัทจึงได้แตกไลน์ภัตตาคารเชียงการีลา โมเดลใหม่ที่เรียกว่า “เชียงการีลาฟู้ดคอร์ท” เพื่อเป็นการสร้างการเติบโตและรองรับการแข่งขัน ขณะเดียวกันยังเป็นการขยายฐานลูกค้าของทางร้านให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าของทางร้านเป็นกลุ่มครอบครัวและอยู่ในตลาดกลาง-บน เป็นหลัก

“เราเพิ่งเริ่มมีการทดลองขยายสาขาในฟู้ดคอร์ตตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งการเปิดตัวโมเดลดังกล่าวเพื่อรองรับการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นการขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตในระยะยาว เนื่องจากโมเดลฟู้ดคอร์ต มีต้นทุนการขยายสาขาที่ตํ่ากว่าสาขาปกติและสามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลาย อีกทั้งยังสามารถสร้างโอกาสทางการขายได้ตลอดเวลา”

ทั้งนี้โมเดลดังกล่าวจะเน้นขยายสาขาในฟู้ดคอร์ตในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดกลาง-ล่าง ซึ่งจะเป็นร้านที่เน้นจำหน่ายเมนูอาหารจีน ไม่ว่าจะเป็น ติ่มซำ เป็ดย่าง เนื้อแก้วผัดพริกไทยดำ ผัดเปรี้ยวหวาน กระเพาะปลา และราดหน้า เป็นต้น โดยมีระดับราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท สำหรับเมนูอาหาร และเริ่มต้นที่ 22 บาท สำหรับซาลาเปาต่างๆ เบื้องต้นได้นำร่องเปิดตัวใน 3 สาขา ได้แก่ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, โตคิว และคิงเพาเวอร์ รางนํ้า ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี โดยปีนี้มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 10 แห่ง ภายในห้างสรรพสินค้าในเขตกรุงเทพฯเป็นหลัก ก่อนจะวางแผนงานในการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดในอนาคต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดและมองหาพาร์ตเนอร์ที่สนใจ

“ลูกค้าส่วนใหญ่จะมองว่าภัตตาคารอาหารจีนนั้นมีราคาแพง ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในตลาดระดับกลาง-บน มาก กว่า ทำให้บริษัทเริ่มมีแนวคิดในการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดกลาง-ล่างมากขึ้น ด้วยการเปิดตัวโมเดลดังกล่าว เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้เข้าถึงแบรนด์มากขึ้น โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดสตรีตฟู้ดเป็นหลัก และมีระดับราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท และมีเมนูให้เลือกกว่า 50 เมนู”

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้วางเป้าหมายการเติบโต
หรือรายได้ของโมเดลไซซ์เล็กดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากอยู่ระหว่างการทดลองตลาด เพราะแต่ละสาขาและแต่ละทำเลต่างก็มีกลุ่มลูกค้าและรายได้ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ต้องมีการประเมินรูปแบบการทำตลาดก่อน โดยคาดว่าในช่วงกลางปีนี้จะสามารถหาข้อสรุปและจัดทำแผนงานการตลาดอย่างจริงจังพร้อมทั้งวางเป้าหมายรายได้และการเติบโตได้

หน้า 31-32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,539 วันที่ 12-15 มกราคม 2563