สศอ. ชี้จีดีพีภาคการผลิตปี 63 ขยายตัว 1.5-2.5%

25 ธ.ค. 2562 | 05:40 น.

สศอ.คาดจีดีพีภาคการผลิตปีหน้าขยายตัว 1.5 – 2.5% ด้านดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัว 2-3% เมื่อเทียบกับปี 2562 ขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายนปีนี้ หดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.27%

นายทองชัย  ชวลิตพิเชฐ  ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ในปี 2563 สศอ. ได้รับการจัดสรรงบบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคตจำนวน 1,200 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อาหารแห่งอนาคต ดิจิทัล หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และอุตสาหกรรม/บริการทางการแพทย์ ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม โดย สศอ. ได้คาดการณ์ GDP ภาคการผลิตในปี 2563 จะขยายตัว 1.5 – 2.5% และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัว 2-3% เมื่อเทียบกับปีก่อน

สศอ. ชี้จีดีพีภาคการผลิตปี 63 ขยายตัว 1.5-2.5%

ด้านดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤศจิกายน 2562 ว่า หดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.27% อยู่ที่ระดับ 96.77 โดยอยู่ในระดับทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากสงครามทางการค้าทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง เมื่อดูจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2562 อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และจีน ส่งผลต่อเนื่องมายังการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) ในเดือนพฤศจิกายน หดตัวลง 6.37%

 สำหรับการผลิตที่หดตัวลงส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นน้ำมัน 2 โรง โดยหากได้จำลองสถานการณ์การผลิตของโรงกลั่นที่ปิดซ่อมบำรุงดังกล่าวให้มีการดำเนินการผลิตเป็นปกติเท่ากับเดือนก่อนหน้าจะส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวลงเพียง 6.11% ซึ่งการปิดซ่อมเป็นไปตามแผนงานในการเพิ่มประสิทธิภาพ  การผลิตในอนาคต  นอกจากนี้ยังมีโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่อยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตซึ่งจะรองรับความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มขยายตัวในปีหน้า รวมถึงให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย 
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนพฤศจิกายน 2562 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ น้ำมันปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ น้ำมันปาล์ม และเหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน 

อย่างไรก็ดี  อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายนลดลง ได้แก่
รถยนต์ และเครื่องยนต์ การผลิตลดลง 21.59% จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก ทำให้มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลง ประกอบกับกำลังซื้อในประเทศชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งมาจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
น้ำมันปิโตรเลียม การผลิตลดลง 18.50% จากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันจำนวน 2 ราย ส่งผลให้การผลิตปรับตัวลดลง  ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ การผลิตลดลง 11.10% จากการผลิตยางแผ่น และยางแท่งลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และผลกระทบจากค่าเงินบาทที่ทำให้ผู้ผลิตบางรายชะลอการผลิตเนื่องจากรายได้ที่เป็นเงินบาทลดลง

สศอ. ชี้จีดีพีภาคการผลิตปี 63 ขยายตัว 1.5-2.5%
                ส่วนอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายนขยายตัว ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ และชิ้นส่วน การผลิตเพิ่มขึ้น 10.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาซึ่งจะมีการส่งมอบในไตรมาสแรกของปี 2563 ประกอบกับตลาดในประเทศยังขยายตัวได้ดี เคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน การผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้น 18.07% เนื่องจากในปีนี้มีการผลิตกลับมาเป็นปกติจากที่เดือนพฤศจิกายนในปีก่อนมีการหยุดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตหลายราย
เบียร์ การผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้น 8.29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มี
ความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

นายทองชัย กล่าวต่อไปอีกว่า  สถานการณ์การผลิตอยู่ในระดับภาวะทรงตัว ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยที่ส่งผลลบจากภายนอกก็ตาม โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้เพิ่มขึ้น 0.76% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 63.17 ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนที่ผ่านมา ประกอบกับข้อมูลจำนวนเงินลงทุนในกิจการใหม่และขยายกิจการของกรมโรงงานอุตสาหกรรมในช่วงมกราคม – 24 ธันวาคม 2562 มีมูลค่า 471,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญที่มีมูลค่า 366,802 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะส่งผลบวกต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมในอนาคต