สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การลงนามในข้อตกลงการค้าเบื้องต้นหรือเฟส1ระหว่างสหรัฐและจีน โดนมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง จะยังไม่เกิดขึ้นในเดือนพ.ย.อย่างที่มีการคาดการณ์ไว้ โดยแหล่งข่าวกล่าวว่า สถานที่สองแห่งในสหรัฐฯที่คาดว่าจะมีการพบกันของผู้นำทั้งได้ถูกตัดออกไปแล้วเช่นกัน โดยมีความพยายามในการเจรจาจากทั้งสองฝั่ง ซึ่งทางสหรัฐฯมีข้อจำกัดในการลดกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อแลกกับการให้จีนกลับมาซื้อและนำเข้าสินค้าเกษตรรวมถึงสินค้าอื่นๆจากสหรัฐฯ
ย้อนกลับไปสงครามการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯ-จีน เกิดขึ้นจากทรัมป์ต้องการลดการขาดดุลการค้ากับจีน และที่ผ่านมาเกือบ 2 ปี มีการตอบโต้ไปมาและระหว่างทางมีเจรจาหาทางออกก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯในปี 2020 และจะมีการพบกับในเวทีโลกในการประชุมที่ชิลี แต่เจ้าภาพได้ประกาศยกเลิกจัดประชุมเพราะมีการประท้วงรัฐบาลที่เมือง ซานติเอโก
แหล่งของของบลูมเบิร์กกล่าวว่า ในตอนแรกสถานที่พบกันระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และ สี จิ้นผิง ถูกเสนอโดยทำเนียบขาว คือที่ไฮโอว่า และ อลาสก้า แต่ถูกปัดตกไป ซึ่งสถานที่ที่ทั้งสองจะพบกันอาจเป็นใน เอเชีย หรือ ยุโรป ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา
จัดด์ เดียร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า “การเจรจาที่เกิดขึ้นตอนนี้ อยู่ระหว่างการกำหนดข้อความในการลงนามข้อตกลงเฟส 1และจะประกาศให้ทุกคนทราบถึงสถานที่ในการลงนามข้อตกลง”
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐรายหนึ่งระบุว่า การพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เพื่อลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรก อาจมีการเลื่อนออกไปเป็นเดือนธ.ค. จากเดิมที่มีกำหนดในเดือนนี้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงต้องเจรจาการค้ากันต่อไป รวมทั้งหารือกันเกี่ยวกับการหาสถานที่ในการลงนามข้อตกลง
แม้ว่าที่ผ่านมาหลายวันเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะออกมาให้ข่าวและมองในแง่ดีว่า การลงนามในข้อตกลงการค้าจะเกิดขึ้นในเดือนนี้ ซึ่งช่วยทำให้ตลาดทุนคึกคักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ วิลเบอร์ รอสส์ กล่าวระหว่างการเดินทางเยือนประเทศไทยว่า “ผมคิดว่าทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่าง มีความคืบหน้าที่ดี ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่เกิดขึ้น แต่อาจมีติดขัดเล็กน้อย ใครจะรู้ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้”