“จุรินทร์” ตอกย้ำอาเซียนต้องผนึกกำลังรับมือยุคดิจิตอลและยุคปฎิติอุตสาหกรรม 4.0 ชี้ผลศึกษาจาก 3 สถาบันชั้นนำ ระบุเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียนอีก 6 ปีข้างหน้าจะโตอีก 3 เท่า ค่ากว่า 2.4 แสนล้านดอลลาร์
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการเป็นประธานการเปิดงาน ASEAN Business and Investment(ABIS) Summit 2019 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี (Hall 6)วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562
ทั้งนี้นายจุรินทร์ ได้กล่าวว่า ภายใต้แนวคิด “Empowering ASEAN 4.0” ซึ่งภาคเอกชนโดยสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนได้จัดขึ้นในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศสมาชิก เพื่อรับมือกับโอกาสและความท้าทายในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่มีเศรษฐกิจดิจิตอลเป็นแรงผลักดันสำคัญ
สำหรับยุคดิจิทัล ถือเป็นวาระที่สำคัญและเหมาะสมกับช่วงเวลานี้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากในปัจจุบันคงไม่สามารถปฏิเสธได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างรวดเร็วที่ส่งผลให้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสามารถทำได้ในทุกที่และทุกเวลาและทำให้การติดต่อสื่อสารสามารถทำได้อย่างไร้ขีดจำกัดตลอดจน AI และ หุ่นยนต์ก้าวเข้ามาทดแทนแรงงานมนุษย์
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้กล่าวถึงข้างต้นยังส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้า การบริการ การบริโภค และการผลิต ซึ่งก่อให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านระบบออนไลน์ แต่ในทางกลับกันเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ก็ส่งผลให้ธุรกิจแบบดั้งเดิมที่ปรับตัวไม่ทันต้องทยอยปิดตัวลงในทุกภูมิภาคของโลก
"หากมองย้อนมาในภูมิภาคเออาเซียนเศรษฐกิจดิจิทัลมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2018(2561) มีมูลค่าสูงถึง 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้นจากปี 2017 (2560)ที่มีมูลค่าราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต คือ การขยายตัวของชนชั้นกลาง การเพิ่มขึ้นของประชากรที่ใช้อินเตอร์เน็ต รวมทั้งการปรับตัวของ SME ในภูมิภาคที่หันมาใช้ดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และจีน มีสัดส่วนถึงร้อยละ 35 27 และ 16 ของ GDP ตามลำดับ”
แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจดิจิทัล ในอาเซียนยังมีโอกาสเจริญเติบโตอีกมาก โดยการศึกษาจาก 3 บริษัทชั้นนำของโลกอย่าง Google , Temasek Holding และ Ben & Co พบว่าในอีก 6 ปีข้างหน้า หรือในปี 2025(2568) เศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน จะถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัวโดยมีมูลค่าสูงถึง 2.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า อาเซียนตระหนักถึงบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะนำมาซึ่งโอกาสทางเศรษฐกิจต่อประเทศสมาชิก จึงได้มีการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่ไปสู่เศรษฐกิจที่เช่าของอาเซียน เช่น 1. การจัดทำข้อตกลงด้าน E-Commerce เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน
2.การจัดทำกรอบบูรณาการด้านดิจิตอลของอาเซี่ยน เพื่อเน้นการอำนวยความสะดวกทางการค้า การคุ้มครองข้อมูลการพัฒนาระบบชำระเงินการพนาทักษะของบุคลากรและการปรับปรุงกระบวนการพัฒนาธุรกิจ
3.การจัดทำแนวทางพัฒนาแรงงานมีทักษะและผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อการรับมือกับ 4IR ซึ่งภาคเอกชนโดยสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน(ASEAN-BAC)ได้มีบทบาทในการผลักดันการทำแนวทางดังกล่าวเพื่อเตรียมความพร้อมแรงงานรองรับอาชีพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผ่าน Re-skilling และ Upskilling
นายจุรินทร์ ยังกล่าวย้ำว่า ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ไปสู่การบรรลุเป้าหมายได้ ABIS จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่ออนาคตของอาเซียน เชื่อมั่นว่าภายใต้ความร่วมมือนี้จะทำให้เกิดความเข้มแข็งระหว่างรัฐกับเอกชนจะทำให้ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์และพร้อมรองรับความท้าทายจากการเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิตอลอย่างเข้มแข็งและยังยืนต่อไป