พอล ครุกแมน (Paul Krugman) นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันเจ้าของรางวัลโนเบล ปี 2551 ทวีตข้อความว่า เขาไม่เชื่อว่าการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยกเลิกสิทธิพิเศษด้านภาษีหรือ GSP ที่มีต่อประเทศไทย จะเกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิแรงงานตามที่รัฐบาลสหรัฐฯ อ้าง มีใจความว่า “อะไรคือเหตุผลแท้จริงกันแน่? โทษที ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะใส่ใจเรื่องสิทธิของผู้ใช้แรงงานอย่างที่อ้าง”
นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลได้รีทวีตข้อความของ แชด บาว์น (Chad P. Bown) นักเศรษฐศาสตร์และนักวิชาการอาวุโสของสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ หรือ Peterson Institute for International Economics (PIIE) เกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา
จากนั้นได้มีผู้มาชี้แจงต่อครุกแมนว่า แท้ที่จริงแล้วเกิดจากการที่ไทยประกาศจะแบนสารพิษ 3 ชนิดในภาคการเกษตร รวมถึงนโยบายไม่นำเข้าเนื้อหมูที่ใส่สารเร่งเนื้อแดงจากสหรัฐฯ ซึ่งมีการผลักดันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลโอบาม่าจนถึงรัฐบาลทรัมป์ ให้ไทยซื้อหมูเนื้อแดงและเครื่องในหมูจากสหรัฐฯ
โดยก่อนการประกาศตัดสิทธิ GSP ไม่กี่วัน สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดค้านยกเลิกการใช้ สารไกลโฟเซต ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สารเคมี
ทั้งนี้สหรัฐฯ จะตัดสิทธิพิเศษด้านภาษี GSP ต่อสินค้าไทยหลายชนิดเป็นมูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญหรือราว 40,000 ล้านบาท รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารทะเล โดยข้ออ้างของสหรัฐฯ คือ ไทยไม่เอาใจใส่ต่อสิทธิของผู้ใช้แรงงาน
ในทางกลับกัน เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาคณะกรรมการการประมงแห่งสภายุโรป (European Parliament's Committee on Fisheries: PECH) ได้ประกาศชื่นชมประเทศไทยในความพยายามแก้ไขปัญหา การทำประมงที่ผิดกฎหมาย การประมงที่ขาดการรายงาน และการประมงที่ขาดการควบคุม (IUU)
“ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีเอาใจใส่ต่อการแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมประมงจำนวนมาก ซึ่งนำไปสู่การที่สหภาพยุโรปจะได้ยกเลิกการคว่ำบาตรอาหารทะเลจากไทย”
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สาเหตุหลักที่สหรัฐฯ ตัดจีเอสพีไทย มาจากกรณีที่ไทยแบนการนำเข้า3สารพิษและหมูเนื้อแดงจากสหรัฐฯ จึงถูกมาตรการตอบโต้ดังกล่าว
ทั้งนี้ไทยคัดค้านการนำเข้าชิ้นส่วนหมูและเครื่องในหมูจากสหรัฐฯมาโดยตลอด หลังจากเมื่อปี 2557 สหรัฐฯพยายามให้ไทยนำเข้าชิ้นส่วนหมูและเครื่องใน ซึ่งเป็นส่วนที่คนอเมริกันไม่กิน สุดท้ายต้องพับแผนด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยทางอาหารของไทย
ในปี 2558 ประธานธิบดีบารัก โอบามา ยังกดดันให้ไทยนำเข้าอีก โดยได้หยิบยกเอา TPP (TransPacific Strategic Economic Partnership) หรือ “ความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก” เรื่องการนำเข้าชิ้นส่วนหมูจากอเมริกา หากไทยเข้าร่วม TPP และล่าสุดในปี 2560 ในยุคประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้เหตุผลว่าสหรัฐฯเสียดุล การค้าให้ไทยมากไป ดังนั้นไทยต้องนำเข้าเนื้อหมูจากอเมริกาเพื่อชดเชยการขาดดุล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตั้งข้อสังเกตว่า หนังสือจากสถานทูตสหรัฐฯ ที่มีเอกสารสภาหอการค้าสหรัฐฯ แนบท้ายลงวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเมื่อวันที่ 22 ต.ค. จะเข้าข่ายกดดันไทยหรือไม่ แต่นายอนุทิน ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขยืนตามมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพราะคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก เพราะหน้าที่ของกระทรวงเกี่ยวข้องสุขภาพชีวิตคน เป็นคนละเรื่องกับการค้า และเชื่อว่าจะไม่กระทบกับความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐฯ
ขณะที่ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ไม่กังวลต่อกรณีที่สถานทูตสหรัฐฯ ส่งหนังสือให้รัฐบาลไทยทบทวนการแบนสารไกลโฟเซต และพร้อมส่งหนังสือชี้แจงต่อสหรัฐฯ โดยยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของประเทศไทยที่มีเจตนารมย์ปกป้องเกษตรกรและผู้บริโภคให้ปลอดภัย ทั้งนี้จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการรองรับหลังการแบนสารเคมี 3 ชนิด