ผู้นำมืออาชีพของเชลล์ สร้างทีมธุรกิจนํ้ามันหล่อลื่น แกร่งเพื่อทุกเป้าหมาย สู่การเติบโตที่ยั่งยืน

29 ต.ค. 2562 | 06:49 น.

ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง ธุรกิจนํ้ามัน รวมถึงนํ้ามันหล่อลื่น เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลง การเข้ามากระทบของปัจจัยที่ยากต่อการคาดเดา ทำให้ต้องมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการทำงานด้านการขายและการตลาด ซึ่งเป็นด่านหน้าของการทำธุรกิจ ยิ่งต้องมีการปรับตัวเคลื่อนไหวให้นำหน้าตลอดเวลา สิ่งนี้ คือกลไก ที่ผู้บริหารมืออาชีพอย่าง “วีธรา ตระกูลบุญ” กรรมการบริหาร ธุรกิจนํ้ามันหล่อลื่น บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด พร้อมรับมือ และสนุกที่ได้พิสูจน์ฝีมือ ควบคู่กับการทำหน้าที่ ผู้นำทีม สร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะด้านการขายและการตลาดให้กับองค์กร

ผู้นำมืออาชีพของเชลล์ สร้างทีมธุรกิจนํ้ามันหล่อลื่น แกร่งเพื่อทุกเป้าหมาย สู่การเติบโตที่ยั่งยืน

“วีธรา” บอกว่า เชลล์เป็นองค์กรที่ไม่หยุดนิ่งและพร้อมเรียนรู้ การที่ได้เข้ามาร่วมงานที่นี่เมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้ว ภารกิจหลักในตอนนั้นก็คือ การสร้างทีมหรือองค์กรมาร์เก็ตติ้งที่แข็งแรงให้กับธุรกิจนํ้ามันหล่อลื่นของเชลล์ ซึ่งถือเป็นงานแรกในองค์กรแห่งนี้ที่มีความท้าทายมากๆ เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมา คือ การทำงานในอุตสาหกรรม FMCG ที่มีรูปแบบการทำงานต่างกัน ความว่องไวของธุรกิจต่างกัน ความสามารถขององค์กรในแง่มาร์เก็ตติ้งก็ต่างกัน ซึ่งเชลล์มีการทำตลาดใน 2 กลุ่มหลัก คือ ลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) และลูกค้าผู้บริโภค (B2C) ซึ่งในขาของลูกค้ากลุ่มธุรกิจ เป็นมุมใหม่ที่เธอต้องเข้ามาเรียนรู้เพิ่มเติม 

สิ่งแรกที่ผู้บริหารหญิงท่านนี้มอง คือ การตั้งโจทย์จากแนวทางขององค์กร ซึ่งเชลล์ไม่ใช่บริษัทนํ้ามัน แต่เป็นบริษัทด้านพลังงาน ที่พร้อมตอบสนองความต้องการพลังงานของผู้คน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าตลาดจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ทั้งในด้านความต้องการของลูกค้า ด้านสิ่งแวดล้อม และอื่นๆ เชลล์ก็พร้อมปรับตัว โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการผลิตไปจนถึงส่งต่อสินค้าและบริการที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภค ภายใต้การเข้าใจความรู้สึกและความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (Customer Centricity) รวมถึงต้องส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับสังคมและโลกไปพร้อมๆ กัน

จากโจทย์ที่ได้รับ ผู้บริหารหญิงท่านนี้มองว่า ด้วยจุดแข็งที่เชลล์ เป็นแบรนด์ที่แข็งแรงมาก อยู่ในเมืองไทยมา 127 ปี สิ่งที่ท้าทายเสมอคือ มุมมองต่อผลิตภัณฑ์ต้องมีการปรับเปลี่ยนไป ต้องไม่หยุดนิ่ง เช่น จากเดิมที่อาจถูกมองว่านํ้ามันและนํ้ามันหล่อลื่น เป็นแค่ของที่ต้องผลิตออกมาวางขาย แค่มีของก็ขายได้ โดยไม่ได้มองเรื่องความต้องการของตลาด (Demand Driven) แต่เมื่อตลาดเปลี่ยน ความต้องการของผู้บริโภคสูงขึ้น การแข่งขันมากขึ้น แนวทางการทำตลาดต้องปรับไปสู่ศักยภาพการแข่งขันที่ดีขึ้น แกร่งขึ้น พร้อมต่อยอดธุรกิจที่กว้าง ไกล และลึกได้มากกว่าเดิม  

หัวใจสำคัญของผู้นำทีมการขายและการตลาดของกลุ่มธุรกิจนํ้ามันหล่อลื่นผู้นี้คือ “เราต้องเข้าใจตลาด และเข้าใจผู้บริโภคจริงๆ” 

สิ่งที่ “วีธรา” ปรับมี 3 เรื่องหลักๆ คือ 1. เพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรให้เก่งขึ้น ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปรับเยอะมาก มีคนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมทีม มองตลาดให้เป็น Customer Centricity ลูกค้าคือคนสำคัญ รวมไปถึงทำความเข้าใจช่างที่ทำหน้าที่ดูแลรถ ต้องหาให้เจอว่า เขาเหล่านี้ต้องการอะไร 2. เดินหน้าเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มกำลัง เพิ่มและเน้นการทำอี-คอมเมิร์ซมากขึ้น ศึกษาและปรับให้บริการผ่านระบบอี-คอมเมิร์ซดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้ เชลล์จับมือกับพันธมิตร อาทิ ลาซาด้า ช้อปปี้ เจดีดอทคอม และ 3. การเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า มีการทำงานแบบ Online to Offline หรือ O2O คือลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าจากทางออนไลน์ แล้วทางเชลล์จะมีคนนำสินค้าไปส่งที่อู่ ลูกค้าสะดวกขึ้น ไม่ต้องหิ้วนํ้ามันหล่อลื่นไปเอง 

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการบริหารงานของผู้นำคนนี้คือ Collaboration หรือการทำงานร่วมกัน เนื่องจากเชลล์เป็นองค์กรใหญ่ การทำงานเป็นไซโล หรือต่างคนต่างทำอาจไม่ตอบโจทย์ ในส่วนของทีมนํ้ามันหล่อลื่น ก็มีการปรับการทำงานร่วมกันมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ผู้นำ พนักงานระดับหัวหน้า มีการประชุมกันทุกอาทิตย์ พูดคุยระดมสมอง แสดงความคิดเห็น และเมื่อมีปัญหาจะช่วยกันคิดหาโซลูชันที่ดีที่สุด ซึ่งผลที่ได้รับคือ สามารถทำงานได้เร็วขึ้น ประสิทธิภาพมากขึ้น คนทำงานมีความสุขขึ้น...เพราะรู้สึกว่า มันไม่ใช่งานฉัน งานเธอ แต่มันคือ งานของเรา

 

ส่วนทิศทางการพัฒนาต่อจากนี้ “วีธรา” บอกว่า เรื่องแรกที่ให้ความสำคัญคือ ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ที่มีการพัฒนาต่อเนื่องผ่านงานวิจัย นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างพันธมิตรกับลูกค้าและคู่ค้า รวมไปถึงช่างที่อยู่ในอู่ เจ้าของร้านอะไหล่ยนต์ เจ้าของโรงงาน พนักงานโรงงาน ด้วยความพยายามในการเข้าถึงและเข้าใจความต้องการของทุกคน เพื่อผลักดันให้พาร์ตเนอร์เหล่านั้นสามารถปลดล็อกข้อจำกัดของต้นทุนโดยรวมในการดำเนินธุรกิจ (Total Cost of Ownership) และประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจไปพร้อมๆ กับเชลล์ ที่ผ่านมา เชลล์สนับสนุนลูกค้าด้วยการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมนํ้าตาล ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เชลล์ได้ส่งมอบนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ได้ ตั้งแต่ต้นนํ้าที่เป็นการเก็บเกี่ยวอ้อยของเกษตรกร ซึ่งต้องการลดระยะเวลาการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวที่จำกัด หรือกลางนํ้า ในการหีบอ้อยที่มีการผลิตอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงต่อวัน ต้องช่วยกันปกป้องการหยุดการผลิตโดยไม่จำเป็น แม้กระทั่งปลายนํ้า ที่กากอ้อยถูกนำกลับมาผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทน ก็ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในเชิงพลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

สิ่งสำคัญคือ การยกระดับการบริการและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับคู่ค้า เช่นในอุตสาหกรรมนํ้าตาล มีการพัฒนา SMBAR (Sugar Mill Bearing Auto Report) ระบบการรายงานสถานะการหล่อลื่นผ่านระบบออนไลน์ พร้อมการแจ้งเตือนสิ่งผิดปกติโดยอัตโนมัติ ที่ลูกค้าสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือการรายงานในสเตชันต่างๆ ของการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ โดยโซลูชันที่ครบวงจรนี้พิสูจน์กับลูกค้าจริงแล้วว่าช่วยให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมนํ้าตาลลดต้นทุนได้ถึง 44% นอกจากนี้ ยังเป็นการก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพ ทีมได้ประยุกต์ใช้ดิจิทัลกับการทำธุรกิจแบบใหม่ๆ เช่น ทำอย่างไรให้ช่างที่อยู่ในอู่ สามารถขายของได้ โดยสนับสนุนกำลังใจในการเพิ่มยอดขาย โดยการพัฒนาแอพพลิเคชัน “เชลล์แชร์ (ShARe)” หรือ เชลล์ แอดแวนเทจ รีวอร์ด ขึ้นมารองรับ

วีธรา ตระกูลบุญ

อีกหนึ่งแนวทางสำคัญ คือ การพัฒนาและสนับสนุนชุมชน เป็นการดูแลสังคมอย่างต่อเนื่องทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและบุคลากร โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะการทำงาน สร้างเสริมศักยภาพให้แก่แรงงาน เช่น ช่างมอเตอร์ไซค์ กับโปรแกรม Shell Advance Masterclass โดยหลังจากดำเนินโครงการมากว่า 3 ปี เชลล์ได้เสริมสร้างทักษะช่างไปแล้วกว่า 1,000 คน และยังพัฒนาหลักสูตรร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเพิ่มเติมด้วย

ผู้บริหารหญิงเก่งคนนี้ ปิดท้ายว่า การทำงานทุกปี จะมีโจทย์และความท้าทายใหม่ๆ เสมอ ซึ่งนั่นแสดงว่า เรามีศักยภาพที่จะไปได้อีกไกล เพราะฉะนั้น เราต้องไม่กลัวเป้า เพราะนั่นคือโอกาส ประเทศไทยยังเติบโตต่อไปเรื่อยๆ เราจึงไม่เคยหยุดนิ่ง สนุกกับความท้าทายและโจทย์ใหม่ๆ ที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัล เทคโนโลยี สิ่่งแวดล้อม ซึ่งเหล่านี้ทำให้เราได้ลับสมอง ได้ขยับ และได้คิดอยู่ตลอดเวลา เพื่อทุกเป้าหมาย สู่การเติบโตที่ยั่งยืนร่วมกัน

 

หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,518 วันที่ 31 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ผู้นำมืออาชีพของเชลล์ สร้างทีมธุรกิจนํ้ามันหล่อลื่น แกร่งเพื่อทุกเป้าหมาย สู่การเติบโตที่ยั่งยืน