SGP ลุยซื้อ คลังน้ำมัน-ท่าเรือน้ำลึก

17 ต.ค. 2562 | 07:44 น.

SGP ทุ่ม 3,360 ล้านบาท ซื้อหุ้น TPP จำนวน 105 ล้านหุ้น หวังลงทุนในโครงการคลังน้ำมันและท่าเรือ เกาะสีชังชลบุรี พร้อมเสริมแกร่งดันรายได้-กำไร

นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด(มหาชน) (SGP)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัท สยาม แอลเอ็นจี จำกัด(SLNG)บริษัทย่อยที่ SGP ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% เข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของบริษัท ไทยพับลิค พอร์ตจำกัด (TPP) จำนวน 105 ล้านหุ้น หรือ 100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด มูลค่ารวม 3,360 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการคลังน้ำมันและท่าเรือ บริเวณเกาะสีชัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

SGP ลุยซื้อ คลังน้ำมัน-ท่าเรือน้ำลึก

อย่างไรก็ตาม SLNG ได้เข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของTPP จากบริษัท ธานินทร์ โฮลดิ้ง จำกัด, บริษัท อรรฐนี อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด, บริษัท อัครพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัท ศรีเสรีขนส่ง จำกัด คิดเป็น 40.51% ของทุนชำระแล้วของ TPP คิดเป็นมูลค่า 1,361 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2562 และต่อมาในวันที่ 16 ตุลาคม 2562 คณะกรรมการบริษัท อาร์พีซีจี จำกัด (มหาชน) (RPC) ได้มีมติอนุมัติให้ RPC ขายเงินลงทุนในหุ้นของ TPP จำนวน 30% ของทุนชำระแล้วของ TPP ให้แก่ SLNG คิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการโอนหุ้นที่กระทรวงพาณิชย์ภายในวันที่ 18 ตุลาคม 2562

 

สำหรับการเข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของTPP ทำให้ SLNG เข้าลงทุนในหุ้นของTPP รวม 74,032,164 หุ้น หรือคิดเป็น 70.51% ของทุนชำระแล้วของ TPP นอกจากนี้ SLNG จะเข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของ TPP จากบริษัท พงศ์เอราวัณ จำกัด อีก 29,913,446 หุ้น คิดเป็น 28.49% ของทุนชำระแล้วของ TPP ภายในเดือนมกราคม 2563 ส่งผลให้ SLNG ถือหุ้นใน TPP จำนวน 103,945,610 หุ้น คิดเป็น 99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ TPP

SGP ลุยซื้อ คลังน้ำมัน-ท่าเรือน้ำลึก

"แหล่งเงินลงทุนในครั้งนี้มาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัทและจากการกู้ยืมของสถาบันการเงิน คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทสามารถขยายการประกอบธุรกิจด้านพลังงานอื่นๆเพิ่มเติม โดยเป็นธุรกิจทางด้านคลังน้ำมันและท่าเรือ ซึ่งธุรกิจคลังน้ำมันจะช่วยให้บริษัทมีรายได้และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถใช้ท่าเรือของTPP ในการรับสินค้าอื่นๆในอนาคต เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของบริษัทในอนาคต"

ทั้งนี้ ในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าปริมาณการขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ไว้ประมาณ 3.8 ล้านตัน หรือเติบโตขึ้นประมาณ 10% จากปีที่ผ่านมา และวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 75,000 ล้านบาท คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากยอดขายต่างประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง ตามความต้องการ LPG ในภูมิภาคเอเซียที่คาดว่าจะมีอัตราการเดิบโตสูงโดยบริษัทจะเน้นไปที่ตลาดเกิดใหม่ที่มีประชากรหนาแน่น เช่น ประเทศบังคลาเทศและเวียดนาม

 

ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในประเทศต่างๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างคลังก๊าซ LPG ที่เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 จะเพิ่มยอดขายอีก 11,000 ตัน หลังจากในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2562 บริษัทได้เปิดให้บริการคลังก๊าซ LPG ที่ North Port ประเทศมาเลเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเริ่มจำหน่ายในไตรมาส 2 ปี 2562 เพื่อรองรับความต้องการในประเทศดังกล่าว ส่วนคลังก๊าซ LPG ในประเทศเมียนมานั้น ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดแล้วเสร็จและสามารถเริ่มดำเนินการได้ในปี 2563 โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 8,000-10,000 ตันต่อเดือน

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงมีความสนใจเข้าไปลงทุนคลังก๊าซ LPG ในประเทศบังคลาเทศ เพิ่มเติม เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายแก๊สที่ขายเข้าไปในบังคลาเทศแล้วในลักษณะของการขายส่งเป็นลำเรือ โดยปีนี้ มียอดขายประมาณ 30,000 -40,000 ตันต่อเดือน ส่วนในประเทศอินโดนีเซียขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อซื้อกิจการคลังก๊าซโรงบรรจุก๊าซ LPG เช่นกัน คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษาขยายการลงทุนในประเทศกัมพูชา เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทครอบคลุมแถบประเทศ AEC

SGP ลุยซื้อ คลังน้ำมัน-ท่าเรือน้ำลึก