เคาะ16มาตรการท่องเที่ยว โชว์พาสปอร์ตลดสูงสุด 70% 

11 ต.ค. 2562 | 09:47 น.

ครม.เศรษฐกิจ ไฟเขียวแพ็คเกจ 16 มาตรการท่องเที่ยว ฮือฮา โชว์พาสฟอร์ตที่ร้านร่วมรายการลดสูงสุด 70% เริ่มเปิดลงทะเบียน 11 พ.ย. ตั้งเป้ารายได้ 2.04 ล้านล้านบาท ดันจีดีพี ปี’62 แตะ 3% 

เคาะ16มาตรการท่องเที่ยว โชว์พาสปอร์ตลดสูงสุด 70% 

วันนี้ (11 ต.ค.62) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ครั้งที่ 4/2562 ที่ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล 

เคาะ16มาตรการท่องเที่ยว โชว์พาสปอร์ตลดสูงสุด 70% 

ภายหลังการประชุม นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กรรมการและเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกันแถลงผลการประชุมว่า ครม.เศรษฐกิจพิจารณาเรื่องนโยบาย แนวทาง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว โดยภาคการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 20 ล้านคนในครึ่งหลังของปี โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีจำนวน 3.47 ล้านคน ถือว่าดีมาก ขยายตัวเกือบ 7% ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวที่ดีและจะเดินหน้าต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกำลังมีปัญหาเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านขณะนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาประเทศไทยมากขึ้น 

 

และครม.เศรษฐกิจวันนี้มีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระยะสั้น (ภายในปี 2562) มาตรการ ด้านการเงิน การคลังและกฎหมาย ประกอบด้วย 1.การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT Refund ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเพิ่มร้านค้าที่สามารถทำรายการคืน VAT Refund เพิ่มจุดให้บริการในพื้นที่เมือง และคืนภาษีในรูปแบบเงินสด ณ จุดขาย 2.การทบทวนข้อกฎหมาย ระเบียบ มาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวของคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทย ได้แก่  มาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 

 

3. การหักรายจ่าย 2 เท่าของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดอบรม สัมมนาภายในประเทศ 

 

มาตรการอำนวยความสะดวกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 1.การอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวด้านมาตรการการตรวจลงตรา (วีซ่า) ได้แก่ การเร่งรัด การดำเนินมาตรการด้านการตรวจลงตราวีซ่า 3 ฉบับ คือ (1)  Double Entries Visa (2) Re-entry Permit และ (3) หลักเกณฑ์ด่านบก ที่ ครม. ได้ให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 2.การขยายระยะเวลาการเปิดด่านชายแดนจาก 08.30 – 16.30 น. เป็น 24 ชั่วโมงในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดยาว จำนวน 2 ด่าน ได้แก่ ด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย และด่านชายแดนไทย-ลาว เป็นระยะเวลา 6 เดือนและติดตามประเมินผล 3. ขอความร่วมมือกระทรวงการต่างประเทศในการเร่งรัดการใช้ระบบ E-Visa ให้ครอบคลุมกับนักท่องเที่ยวชาวจีนทั่วประเทศ 4. ขอความร่วมมือเร่งประชาสัมพันธ์ระบบ  E-VoA ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูล 5. ทบทวนข้อกฎหมายของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมถือบัตรเครดิตหรือการใช้กระเป๋าเงิน อิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet)  

 

3. มาตรการกระตุ้นตลาด และเพิ่มค่าใช้จ่าย 1.โครงการ Amazing Thailand Grand Sale “Passport Privileges” 2. โครงการประชุมเมืองไทยภูมิใจช่วยชาติ กระตุ้นบริษัท (Corporate) โดยการให้ Voucher 20,000 บาทต่องาน/กลุ่ม เพื่อกระตุ้นการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศไทย 3. ส่งเสริมการจัดประชุมภาครัฐ (Government Meeting) โดยขอความร่วมมือให้จัดประชุมสัมมนา นอกสถานที่
 

ระยะกลาง-ยาว (ปี 2563 เป็นต้นไป) มาตรการ ด้านการเงิน การคลังและกฎหมาย การส่งเสริมการขึ้นทะเบียนสถานพักแรม และให้สินเชื่อพิเศษสำหรับผู้ประกอบการสถานพักแรม ในการปรับปรุงสถานประกอบการและบริการให้มีมาตรฐาน

 

มาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 1.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ในด้านความปลอดภัย และลดจำนวนการสูญเสียชีวิตและการบาดเจ็บของนักท่องเที่ยว 2. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ด้านวัฒนธรรมโดยเพิ่มจำนวนแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลก ทั้งในส่วนที่เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม และ/หรือ มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ 

 

มาตรการกระตุ้นตลาดและเพิ่มค่าใช้จ่าย 1.การจัดกิจกรรมมหกรรมระดับโลกหรือกิจกรรมขนาดใหญ่ (World Event / Mega Event) เช่น การจัดงานวิ่ง Trail/Ultra Trail, Amazing Thailand Marathon Series, Moto GP, Super GT, การแข่งขันจักรยาน Tour de France, มหกรรมด้านนันทนาการ อาทิ คอนเสิร์ต Tomorrow Land, EDC (Electric Daisy Carnival), Ultra Music Festival มหกรรมด้านความงาม สุขภาพและสาธารณสุข (Health, Wellness & Rehabilitate) อาทิ World Cannabis Expo, World Health & Wellness Expo เป็นต้น 3.2 การดึงงานประชุมองค์กรจากต่างประเทศมาจัดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการจัดงานขนาดใหญ่หรืองานที่มีผลกระทบสูง รวมถึงการกระจายพื้นที่จัดงานสู่ภูมิภาค

 

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า 16 มาตรการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง ที่ประชุมจึงเตรียมมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวช่วงที่เหลือของปีนี้ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศให้ได้ 20 ล้านคน ผ่าน 16 มาตรการ อาทิ อี-วีซ่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย รวมทั้งการคืนภาษีให้นักท่องเที่ยว โดยโครงการอะเมซิ่งไทยแลนด์ แกรนด์ เซล เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยนักท่องเที่ยวสามารถโชว์พาสปอร์ตกับร้านค้าที่ร่วมรายงานเพื่อใช้เป็นส่วนลด 30-70% เป็นต้น ขณะที่การกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ จะดำเนินโครงการ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทยโดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 รวมทั้ง โครงการเที่ยววันธรรมดาราคาช็อคโลก ที่จะเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนระหว่างช่วงเดือน พฤศจิกายน 2562 ถึง มกราคม 2563 เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและมีเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2562 จำนวน 39.8 ล้านคน และมีรายได้ 2.04 ล้านล้านบาท เพื่อประคองตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ทั้งปี 2562 ให้อยู่ที่ 3%

 

“นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เร่งดำเนินการ เช่น ในเรื่องการเปิดด่าน ให้ไปทดลองทำ 3 เดือนก่อน ดูว่าได้ผลอย่างไร หากได้ผลดีก็จะดำเนินการต่อไป และนายกรัฐมนตรีก็มีข้อคิดเห็นในหลายเรื่อง นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือในเรื่องของแลนดิ้งฟรีให้กับชาร์เตอร์ไฟลท์ต่าง ๆ ที่มาประเทศไทย โดยจะมีการหารือร่วมกับ AOT ให้ดูแลนักท่องเที่ยวที่รายได้สูงให้สามารถชาร์เตอร์ไฟลท์มาได้ เพื่อให้ภูมิภาคอินโดจีน อาเซียน มาใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการท่องเที่ยวในอีเว้นท์สำคัญต่าง ๆ ตลอดทั้งปี” นายกอบศักดิ์ กล่าว