ถ้าลงทุนทอง หาจังหวะเข้าและออกให้ดี

07 ต.ค. 2562 | 04:10 น.

ดูเหมือนว่า จะลงทุนอะไรๆในช่วงนี้ ก็ดูจะยากไปเสียหมด เพราะปัจจัยแวดล้อมผันผวนขึ้นลงมากเสียเหลือเกิน ขนาดทองคำ ที่ว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยแล้ว ราคาก็ยังผันผวนเช่นกัน 

ราคาทองคำตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 15 กันยายน ปรับสูงขึ้น จาก 3 ประเด็นหลักของโลกคือ สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จากเดิมที่จะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงต้นปี กลายมาเป็นปรับท่าทีลดดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา และเฟดก็ปรับลดดอกเบี้ยในรอบกว่าทศวรรษ เป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม และในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ยังเห็นถึงการปรับลดนโยบายของดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.75% และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง จากการอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน ญี่ปุ่น รวมไปถึงยุโรป 

สำหรับทิศทางสภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมา จะเห็นว่า ผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนชัดเจนขึ้นทั่วทุกมุมโลก และถือเป็นตัวแปรสำคัญที่เข้ามากระทบต่อราคาทองคำและกระทบต่อนโยบายการเงินของเฟดด้วยเช่นกัน ดังนั้นเงื่อนไขของสงครามการค้า น่าจะยังมีต่อเนื่องไปตลอดจน
สิ้นปีหรือปีหน้า ขณะที่ราคาทองคำเมื่อวันที่ 25 กันยายน อยู่แถวๆ 1,530 ดอลลาร์ และหลายสำนักมองว่า ราคาทองคำน่าจะไปที่จุดสูงสุดเดิมในเดือนที่แล้ว 1,548 ดอลลาร์ได้ 

ถ้าลงทุนทอง หาจังหวะเข้าและออกให้ดี

ภายใต้เงื่อนไขว่า การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ-จีนไม่สามารถตกลงกันได้แบบ 100% รวมทั้งเงื่อนไขของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ธนาคารกลางยุโรปอัดฉีดเม็ดเงิน 2 หมื่นล้านยูโรตามที่ประกาศไว้ และอังกฤษยังเผชิญกับปัญหา Brexit ช่วงปลายเดือนตุลาคม ขณะที่ความไม่แน่นอนของ
การลงทุนในตลาดหุ้นน่าจะยังมีอยู่ 

ดังนั้น หากปัจจัยเหล่านั้นยังคงอยู่  ทิศทางทองคำจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น มีโอกาสทดสอบ 1,600 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี แต่นักลงทุนอาจพบ การแกว่งตัวของราคาทองคำตลอดเวลา ซึ่งเป็นทั้งจังหวะและโอกาสในการเข้าซื้อหรือขาย ขณะที่ราคาทองคำไทยจะมีแนวรับสำคัญที่ 21,600 บาท/บาททองคำ และมีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 23,000 บาท/บาททองคำได้ในช่วงสิ้นปี

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,511 วันที่ 6 - 9 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ถ้าลงทุนทอง หาจังหวะเข้าและออกให้ดี