คนเอชอาร์จะอยู่รอด ต้อง Agile ตัวเองเสียก่อน

การเติบโตในสายอาชีพเอชอาร์ หรือการบริหารทรัพยากรบุคคล (Human Resources : HR) ถือเป็นความท้าทายของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ค่อยชื่นชอบนัก กับการเป็นพนักงานองค์กร ที่ต้องทำงานกับคน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก ไม่มีสูตรสำเร็จ ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ แถมยังเป็นงานที่กดดันด้วยเวลา และความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของคน แต่ก็เป็นอาชีพที่ “ธนกฤต ฉันทวิทิตพงษ์” หรือ “คุณบิ๊ก” ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด เลือกแล้ว และก็ทำได้ดีมีการเติบโตก้าวหน้าในหน้าที่เป็นอย่างดี

“คุณบิ๊ก” บอกว่า เส้นทางในอาชีพของเขาล้มลุกคลุกคลาน ถึงขั้นนํ้าตาซึมก็เคยมีมาแล้ว แต่ด้วยความอดทน และพร้อมเรียนรู้ รับฟังเสียงจากพนักงานรอบด้าน จึงทำให้เขาก้าวหน้าในอาชีพ ซึ่งที่ผ่านมา เขาทำหน้าที่ด้านเอชอาร์มากว่า 14 ปี เคยเป็นฝ่ายทรัพยากรบุคคล ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชั่นฯ บริษัท ฮิววิตต์ แอสโซซิเอทส์ฯ และฟิลลิป มอร์ริส และเคยทำงานในสวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา รวมทั้งฟิลิปปินส์มาแล้ว ก่อนที่จะเข้ามารับหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล ที่มอนเดลีซ ได้เกือบ 2 ปี

จากงานด้านเอชอาร์ในหลายๆ องค์กร ทุกที่มีความต้องการที่แตกต่าง และโจทย์สำคัญที่ “คุณบิ๊ก” เข้ามารับหน้าที่ที่มอนเดลีซ คือ การพัฒนาบุคลากร และออกแบบโครงสร้างองค์กร ให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร ซึ่งปลายปีที่ผ่านมา มอนเดลีซได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร ให้เข้าใกล้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เช่น ก่อนหน้านี้ หลายๆ ฝ่ายจะต้องรีพอร์ตงานไปยังระดับภูมิภาค (regional) แต่ตอนนี้ทุกอย่างจะรวบเข้ามาให้ใกล้กับผู้บริโภคมากขึ้น และเร็วมากขึ้น เท่าที่จะทำได้ เพื่อการตัดสินใจที่รวดเร็วใกล้ชิดผู้บริโภคที่สุด

หน้าที่ของฝ่ายเอชอาร์ เริ่มจากการมองกลยุทธ์หลักขององค์กร 3 ส่วนคือ Growth Business การเติบโตของธุรกิจ, Execution จะทำอย่างไรให้มีการปฏิบัติการที่เป็นเลิศ (Operational Excellence) และสุดท้าย คือ ต้องโฟกัสที่วัฒนธรรม ที่ต้องมี 1. Organization Model 2. Talent and Capability สร้างคนเก่งและเติมเต็มความรู้ความสามารถ และ 3. Growth Mindset ทัศนคติแห่งการพัฒนาและเติบโต

“คุณบิ๊ก” ได้วางแนวทางขับเคลื่อน ด้วยวัฒนธรรมการเติบโตที่มุ่งสู่ความสำเร็จ (Winning Growth Culture) ซึ่งเป็นการแปลงร่างจากขอบข่ายระดับโกลบัล มาเป็นขอบข่ายของไทย ซึ่งปีนี้โฟกัสไปที่ ที่ทำงานที่ดี (great place to work) และสร้างแบรนด์องค์กรที่ยั่งยืน (Corporate Branding) ที่จะดึงดูดคนดีคนเก่งเข้ามาร่วมงาน โดยคีย์ไฮไลต์ของการเดินหน้าไปสู่เป้าหมายนั้นได้ คือ การเปิดรับฟังความคิดเห็นของพนักงาน จนทำให้ได้มาทั้งเรื่องของ การดูแลพนักงานผู้หญิง อาทิ การลาคลอด ที่ได้รับเงินเดือนเต็ม การเปิดโอกาสให้ทำงานได้ 30% หลังกลับจากลาคลอด ในระยะ 2-3 สัปดาห์ การจัดการที่จอดรถในอาคารสำนักงาน สำหรับพนักงานหญิง ที่ต้องกลับดึก และคีย์ไฮต์ไลต์ที่พนักงานชอบมากๆ คือ flexible hours รวมไปถึงสวัสดิการที่ดี ที่สนองตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับส่วนเอชอาร์ ที่ผู้บริหารบุคลากรคนนี้ให้ความสำคัญมาก คือ การพัฒนาบุคลากร โดยมีการจัดทำ Mondelez international University (MIU) เป็นอีเลิร์นนิ่งให้พนักงานเลือกเรียนเพื่อพัฒนาทักษะของตัวเอง ซึ่งปีนี้ มอนเดลีซ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาคนภายในองค์กรให้เติบโตขึ้นมาเป็นระดับบริหารให้ได้ 50% จากเดิมที่มีเพียง 30%

สุดท้ายคือ การรักษาคนดี คนเก่ง ไว้กับองค์กร ซึ่ง “คุณบิ๊ก” บอกว่า ถือเป็นความภาคภูมิใจมากที่ทำให้อัตราการเทิร์นโอเวอร์ขององค์กร ลดลงตํ่าสุดในช่วง 4 ปี จากปกติกลุ่ม FMCGอัตราเทิร์นโอเวอร์จะอยู่ที่ 18%แต่ปีที่แล้วมอนเดลีซ มีอัตราอยู่ที่ 23% ปีนี้คาดว่าจะไม่เกิน 15% ซึ่งนั่นแสดงว่า พนักงานเชื่อมั่นในองค์กรมากขึ้น และอีกหนึ่งความสำเร็จคือ การได้รับรางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia (Thailand Edition 2019) ในปีนี้ ถือเป็นบทพิสูจน์ว่ามอนเดลีซเป็นหนึ่งในบริษัทที่ดีที่สุดในเอเชีย
ที่น่าร่วมงานด้วย

“ผมมีหน้าที่ดึงดูดพนักงาน และสร้าง Engagement” และจากการดิสรัปต์ของเทคโนโลยี เอชอาร์เองก็ต้องปรับตัว เพิ่มบทบาทจากการบริหารทรัพยากรบุคคล มาสู่การช่วยดูเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กร และปรับศักยภาพพนักงาน ให้รองรับการเติบโตขององค์กร

ความท้าทายของเอชอาร์ในอนาคต คือ เราต้องผลิตคนที่มีประสิทธิภาพ ให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต แต่ที่สำคัญทักษะที่เอชอาร์ยุคใหม่ต้องมี คือ การ Agile ตัวเอง และต้องรู้เรื่องของธุรกิจ ต้องเข้าใจเทคโนโลยี เรื่องของเอไอ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว มันอยู่ที่ความรู้และความพร้อมในการปรับตัวที่จะเติบโตต่อไป

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,508 วันที่ 26 - 28 กันยายน พ.ศ. 2562