กรมเจ้าท่าเปิดแผนศึกษา ยกระดับศักยภาพท่าเรือระนอง รับยุทธศาสตร์ระเบียงเศรษฐกิจใต้ ขยายให้รับเรือขนาด 12,000 DWT เจรจา 3 ท่าเรือเอเชีย “จิตตะกอง-เจนไน-โคลัมโบ” เล็งเปิดเดินเรือ ปี 2563
1 ใน 4 กรอบการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (Southern Economic Corridor-SEC) คือ การพัฒนาระนองเป็นประตูการค้าด้านตะวันตก มีแผนงานสำคัญคือ การพัฒนาเพิ่มศักยภาพท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ระนอง ให้รับเรือได้สูงสุด 12,000 DWT เพื่อรองรับการขยายการค้ากับตลาดที่มีศักยภาพของกลุ่มประเทศเอเชียใต้ (กลุ่ม BIMSTEC)
นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) ได้เตรียมศึกษาแผนการพัฒนาการเดินเรือขนส่งจากท่าเรือระนอง เชื่อมโยงไปยังกลุ่มประเทศ BIMSTEC เบื้องต้นได้คัดเลือกท่าเรือที่เหมาะสม 3 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือจิตตะกอง ประเทศบังกลาเทศ ท่าเรือเชนไน ประเทศอินเดีย และท่าเรือโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อได้ท่าเรือที่มีความเหมาะสมและมีความพร้อมจะดำเนินการ จะได้ดำเนินการเจรจาระหว่างประเทศต่อไป โดยคาดว่าสามารถเปิดการเดินเรือเชื่อมกันได้ภายในปี 2563
ความคืบหน้าการพัฒนาศักยภาพท่าเรือระนอง ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 อนุมัติให้กทท.ลงทุน วงเงิน 5,471 ล้านบาท พัฒนาท่าเรือระนอง เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือที่ 3 พร้อมลานวางตู้สินค้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับตู้สินค้าจาก 78,000 TEU/ปี เป็น 500,000-600,000 TEU/ ปี คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างในปี 2563 และแล้วเสร็จในปี 2565
สำหรับศักยภาพท่าเรือระยะที่ 1-2 รองรับเรือขนาดประมาณ 3,000 DWT หรือประมาณ 1,500 GRT เรือที่มีอัตรากินนํ้าลึกไม่เกิน 6 เมตร สามารถแล่นผ่านเข้า-ออกได้ตลอดเวลา เรือที่มีขนาดใหญ่และมีอัตรากินนํ้าลึกไม่เกิน 9 เมตร สามารถแล่นผ่านเข้า-ออกได้โดยรอเวลานํ้าขึ้นในแต่ละวัน ตลอดระยะทางมีการวางทุ่นเครื่องหมายช่วยเดินเรือเพื่อความปลอดภัย จำนวน 14 ทุ่น ส่วนโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือที่ 3 สามารถรองรับปั้นจั่นหน้าที่ได้ 2 ตัว มีลานสินค้าท่าเทียบเรือ 3 เนื้อที่ 33,000 ตร.ม. รองรับคานยกสินค้าทั้งหมด 6 ตัว รองรับตู้สินค้าได้ 240,000 TEUs/ปี
การก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่จากชุมพรมาท่าเรือระนอง เพื่อเชื่อมกับฐานการผลิตในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) สำหรับขนส่งสินค้า วัตถุดิบ ในพื้นที่กับที่จะค้าขายกับชาติในกลุ่มเอเชียใต้แล้ว นายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง รองประธานหอการค้า จ.ระนอง ชี้ว่า การขุดลอกร่องนํ้าเพื่อขยายศักยภาพท่าเรือระนอง ให้รองรับเรือได้ 12,000 DWT ตามศักยภาพของท่าเรือ ยังเป็นการรองรับการเชื่อมโยงเข้ากับเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน ที่จะมีทั้งทางทะเล และเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากจีนตอนใต้เข้าลาว ที่ต่อไปจะต่อกับระบบรถไฟของไทย สามารถขนสินค้าจีนมาถึงระนองได้ใน 3-5 วัน เพื่อต่อไปยังศรีลังกา ซึ่งมีท่าเรือหลักที่จีนเช่าจากศรีลังกามา
บริหารอยู่ ที่จะใช้เวลาอีกเพียง 6 วัน เทียบกับที่ผ่านมาหากส่งจากแหลมฉบังผ่านช่องแคบมะละกา กว่าจะถึงศรีลังกาต้องใช้เวลาถึง 15 วัน ชี้ให้เห็นว่าท่าเรือระนองเป็นจุดที่มีศักยภาพด้าน Logistic อย่างมาก
ไทยมีการค้ากับภูมิภาคเอเชียใต้ ปี 2561 มูลค่ารวม 523,711.39 ล้านบาท โดยไทยส่งออกไปยังภูมิภาคนี้ 352,255.68 ล้านบาท นำเข้า 171,455.71 ล้านบาท เมื่อแยกเป็นรายประเทศ ไทยค้ากับอินเดียในสัดส่วนสูง คือมีมูลค่าการค้ารวม 402,508.42 ล้านบาท เป็นการส่งออก 244,360.04 ล้านบาท นำเข้า 158,148.38 ล้านบาท เช่นเดียวกับการค้ากับบังกลาเทศและศรีลังกาที่ไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า โดยมีมูลค่าการค้ากับบังกลาเทศที่ 40,340.87 ล้านบาท ไทยส่งออกถึง 38,417.31 ล้านบาท และค้ากับศรีลังกามูลค่า 16,891.19 ล้านบาท ไทยส่งออกถึง 14,187.34 ล้านบาท
หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3507 วันที่ 22-25 กันยายน 2562