บิ๊กอสังหาฯ-แบงก์ชาติเตือน ชะลอสร้างคอนโดฯ ไม่ปล่อยซัพพลายใหม่เข้าตลาด เผยกำลังซื้อหดหาย สงครามการค้า-แอลทีวี พ่นพิษ
การดำเนินธุรกิจในปี 2562 ผู้ประกอบการต่างยอมรับความเหนื่อยยาก โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม ที่ไม่ได้มีความหวือหวาเหมือนช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ กำลังซื้อซบเซา เศรษฐกิจ เปรียบเป็นยุคข้าวยากหมากแพง สำหรับคนซื้อและคนขาย ทั้งยังถูกจำกัดกำลังซื้อโดยมาตรการสัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลัก ประกัน หรือแอลทีวีและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่อยู่ในขั้นชะลอการเติบโต แต่อย่างไรก็ตาม ฐานะที่เคยผ่านวิกฤติมาแล้วหลายครั้ง ยังยืนยันว่า สถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้มีความคล้ายกับวิกฤติฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 ที่ครั้งนั้นเปรียบเป็น “ปรมาณูทำลายล้างลูกใหญ่” สถาบันการเงิน ดีเวลอปเปอร์ล้มหายตายจากไปหมด แค่ครั้งนี้หากให้เปรียบคงเป็นเพียงคลื่นเล็กๆ ของวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ (ซับไพรม์) ของช่วงปี 2551 เท่านั้น และถือเป็นโอกาสการปรับตัวที่ดีอย่างมาก เตือนให้ทุกฝ่าย ระวังดีเวลอปเปอร์เองไม่ปล่อยซัพพลายใหม่เข้าตลาด ขณะที่สถาบันการเงินไม่แข่งขันกันปล่อยสินเชื่อ หลังจากยังต้องเฝ้าระวังปัจจัยภายนอกเป็นเรื่องใหญ่
“สงครามการค้าโลกจะหยุดเมื่อไหร่ สถานการณ์ตลาดโลก และตลาดอสังหาฯไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่มีใครตอบได้เพราะไม่แน่นอน สิ่งที่จะพยุงได้ คือ หันมาดูกลยุทธ์ของตนเอง ปรับอย่างไรให้อยู่รอด หนี้ต่อทุนต้องไม่สูง ที่ดินไม่จำเป็นต้องตุนไว้มาก ไม่มีเงินก็ไม่ต้องซื้อ ที่สำคัญต้องสร้างสมดุลให้สินค้าลดความเสี่ยง ทั้งนี้ ยังมั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ว่าแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน เพราะทุกคนกลัวเหมือนปี 2540 จึงต่างมีแผน เตรียมตัวตั้งรับกันมานานแล้ว”
นายสุวัชชัย ใจข้อ ผู้อำนวยการสำนักสถิติเศรษฐกิจ ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุถึงความเสี่ยงที่ระบบเศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญหลังจากนี้ ว่า ตลาดอสังหาฯ ยังคงซึมอีกระยะ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการออกมาตรการมากระตุ้นกำลังซื้อต่อเนื่อง และล่าสุดมีการผ่อนปรนเงื่อนไขผู้กู้ร่วมออกจากมาตรการ LTV แล้ว คาดจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้
ขณะเดียวกัน ต้องการให้ผู้ประกอบการปรับตัว สร้างภูมิต้านทาน เพื่อรับต่อปัจจัยเสี่ยงต่างๆด้วย เพราะสงครามการค้าโลกยังไม่มีวี่แววจบง่ายๆ เป็นลบต่อการส่งออกไทย และในภาคแรงงาน จะมีการปรับลดการผลิตและการจ้างงานเกิดขึ้น รอเพียงปัจจัยบวกโดยรัฐต้องเร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและประกาศใช้งบประมาณปี 2563 ให้เร็วที่สุด เช่นเดียวกับการเร่งลงทุนของภาครัฐและเอกชน สานต่อโครงการเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี เป็นต้น
“เศรษฐกิจโลกข้างหน้ามีความหม่นหมอง ทำให้เศรษฐกิจไทยและความซบเซาของตลาดอสังหาฯ น่าจะชะลอตัวต่อเนื่องถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2563 เพราะกำลังซื้อของคนภาคการเกษตร และทั่วไป ยกเว้นกลุ่มคนมีเงินเดือนยังตํ่า เราเองเหมือนคนป่วยเรื้อรัง มีโอกาสติดเชื้อจากโรคได้ง่าย เพราะหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูง 78.7 พบ 1 ใน 5 ของคนอายุ 29 ปีเป็นหนี้เสีย คนผ่อนบ้าน จากเดิม 211 เดือน ปัจจุบันกลายเป็น 221 เดือน”
หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,507 วันที่ 22-25 กันยายน 2562