ผู้ประกอบการจีน  ขอคุมเบ็ดเสร็จลงทุนอสังหาไทย

16 ก.ย. 2562 | 23:10 น.

ผู้ประกอบการสัญชาติจีนไม่ว่าจะมาจากประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซียแต่ใช้ภาษาจีนกลางเป็นตัวกลางในการสื่อสารก็นับว่าเป็นผู้ประกอบการสัญชาติจีนทั้งหมด ผู้ประกอบการสัญชาติจีนเป็นอีกกลุ่มที่เริ่มเข้ามาในประเทศไทย เพียงแต่รูปแบบของการเข้ามานั้นค่อนข้างเงียบหรือว่าไม่มีการร่วมมือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ของประเทศไทยแบบผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ข่าวการร่วมมือของผู้ประกอบการญี่ปุ่นกับผู้ประกอบการไทยนั้นมีค่อนข้างมากและมีจำนวนโครงการร่วมกันมากกว่า

อีกหนึ่งเหตุผลที่ผู้ประกอบการจีนไม่มีการร่วมมือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ของประเทศไทยเพราะว่าเงื่อนไขในการร่วมมือนั้นแตกต่างจากผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่น เพราะผู้ประกอบการสัญชาติจีนต้องการควบคุม ดูแล และบริหารบริษัทที่ร่วมทุนนี้แบบเบ็ดเสร็จทั้งที่พวกเขาสามารถถือหุ้นได้ในสัดส่วนไม่เกิน 50% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท จึงเป็นเหตุผลให้ผู้ประกอบการจีนไม่มีความร่วมมือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ของประเทศไทยได้มีเพียงความร่วมมือกับผู้ประกอบการรายกลางถึงเล็ก และเป็นการร่วมมือกันแบบรายโครงการไม่ใช่การร่วมมือในระยะยาว

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด ยํ้าว่า หากผู้ประกอบการสัญชาติจีนเปลี่ยนรูปแบบการร่วมมือได้ในอนาคต พวกเขาน่าจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการไทยมากขึ้น เพราะผู้ประกอบการไทยต้องการกำลังซื้อจากประเทศจีนที่กลายเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกไม่เฉพาะในประเทศไทย อีกทั้งผู้ประกอบการสัญชาติจีนบางรายมีขนาดใหญ่มากมีโครงการอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบในหลายประเทศทั่วโลก แต่เปิดขายโครงการขนาดไม่ใหญ่ในประเทศไทยหรือเปิดขายแบบเงียบๆ ไปก่อนหน้านี้ในชื่ออื่น เพราะรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีนห้ามการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศ พวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้ชื่ออื่นในการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศจีน อีกทั้งขนาดของตลาดและกำลังซื้อที่มีจำกัดจึงมีผลให้กลุ่มผู้ประกอบการจีนไม่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยแบบเต็มรูปแบบเหมือนที่พวกเขาเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียที่มีขนาดของตลาดที่ใหญ่กว่าและเศรษฐกิจอยู่ในช่วงที่ขยายตัวมากกว่าประเทศไทย

 

 

ผู้ประกอบการสัญชาติจีนอาจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น หรือรายที่อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้วก็คงมีการขยายการลงทุนแบบต่อเนื่อง แต่ก็คงต้องพิจารณาจากกำลังซื้อของคนไทยมากกว่าจะหวังพึ่งพากำลังซื้อจากคนในประเทศของตนเอง เพราะสัดส่วนของคอนโดมิเนียมอีกกว่า 51% นั้นต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของคนไทย นอกจากนี้รูปแบบของโครงการและการออกแบบต่างๆ ก็ควรเป็นไปตามความชอบหรือรสนิยมของผู้ซื้อชาวไทยไม่ใช่จะยกเอาตามที่พวกเขาคุ้นเคยมาพัฒนาในประเทศไทย เนื่องจากผู้ประกอบการไทยเองก็มีความแข็งแกร่งและเข้าใจตลาดมากกว่าอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีขนาดของบริษัทที่ใหญ่กว่าก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ามาเบียดแย่งส่วนแบ่งจากผู้ประกอบการไทยไปได้ในเวลาอันสั้นต้องดูกันไปนานๆ

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,505 วันที่ 15-18 กันยายน 2562

                 ผู้ประกอบการจีน  ขอคุมเบ็ดเสร็จลงทุนอสังหาไทย