กอร์ดอนวูทิ้ง แลกส่วนแบ่ง ค่าโง่โฮปเวลล์

07 ส.ค. 2562 | 23:30 น.

เปิดหลักฐานนายกอร์ดอน วู ขายทิ้งโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ให้ยูไนเต็ด ซัคเซส ลิมิเต็ด สัญชาติมอริเชียส วงเงิน 1 พันล้านบวกเงิน 20% จากผลประโยชน์ที่ได้รับจากรัฐบาลไทย 

สำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะผู้รับมอบอำนาจของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย

ยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองกลางพิจารณาคดีค่าโง่โฮปเวลล์ใหม่ ตามมาตรา 75 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 หลังจากพบหลักฐานว่าบริษัท โฮปเวลล์โฮลดิ้ง ลิมิเต็ดฯ สัญชาติฮ่องกง และนายกอร์ดอน วู ได้ขายหุ้นบริษัทที่ถือทั้งหมดให้กับ บริษัทยูไนเต็ด ซัคเซส ลิมิเต็ด สัญชาติมอริเชียส ในราคา 265 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง เมื่อคำนวณเป็นเงินบาทที่ 4-4.50 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง จะมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 1,040-1,170 ล้านบาทเท่านั้น ถือว่าตํ่ามากเมื่อเทียบกับทุนจดทะเบียนบริษัทที่ 15,000ล้านบาท

บริษัทโฮปเวลล์ฯ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เมื่อปี 2549 ระบุ ในช่วงระหว่างปี 2549 บริษัทได้บรรลุข้อตกลงที่จะถ่ายถอนผลประโยชน์ทั้งหมดที่มีอยู่ในบริษัทในเครือ คือ บริษัท โฮป เวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งธุรกิจหลักทำการก่อสร้างทางยกระดับและระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ทั้งนี้มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 500 ล้านบาทบวกกับ 20% ของเงินส่วนเกินจาก 2,000 ล้านบาท ถ้าหากว่าโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ได้รับชำระเงินที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการดังกล่าวข้างต้นมาเกินกว่า 2,000 ล้านบาทตามที่ได้ระบุในข้อตกลง พร้อมสรุปว่าโฮปเวลล์ฮ่องกงมีรายได้จากการขายโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) มีมูลค่ารวม 265 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม ให้ความเห็นว่า ถ้าดูจากข้อมูลที่โฮปเวลล์ ฮ่องกง แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าถ้าหากว่า โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ได้รับชำระเงินการเรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐบาลไทย ยูไนเต็ดซัคเชส จะจ่ายเงินส่วนที่เกินให้กับโฮป เวลล์ฮ่องกง 20% ของเงินส่วนเกินจาก 2,000 ล้านบาท จึงมีความเป็นไปได้ว่าการที่นายกอร์ดอน วู ขายหุ้นบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย)ฯ ในราคาตํ่า เพราะในขณะนั้นบริษัทมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับรฟท.อยู่และศาลก็ยังไม่ได้ตัดสินคดี หากผลการตัดสินออกมาว่ารฟท.ชนะโฮปเวลล์ ฮ่องกงจะต้องแบกรับค่าเสียหายที่ต้องจ่ายให้กับรฟท. รวมทั้งเจ้าหนี้รายอื่น จึงต้องขายหุ้นโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ที่ถืออยู่ทั้งหมดให้กับบริษัทยูไนเต็ด ซัคเซส ลิมิเต็ด สัญชาติมอริเชียส เข้ามาต่อสู้คดีเท่านั้น

 

ก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) จ่ายค่าเสียหายให้บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมเป็นเงิน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ภายใน 180 วัน ซึ่งคณะอนุกรรมการประเมินค่าเสียหายประเมินวงเงินที่ รฟท.ต้องจ่ายรวมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2551 (วันที่อนุญาโต ตุลาการชี้ขาด)ถึงสิ้นเดือนเมษายน  2562 วงเงินรวม 25,411 ล้านบาท

นายเทอดพงศ์ คงจันทร์ ตุลาการศาลปกครองกลาง ในฐานะรองโฆษกศาลปกครอง (ศาลปค.) กล่าวถึงกรณีมีการระบุว่า มีหลักฐานใหม่ที่จะรื้อคดีค่าโง่โฮปเวลล์และอาจทำให้รัฐไม่ต้องจ่ายชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 11,888 ล้านบาท ตามที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้รัฐต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจ่ายชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีว่า ตามมาตรา 75 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 กำหนดในกรณีการยื่นคำขอให้ศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่ว่า คู่กรณีไม่ว่าจะเป็นผู้ฟ้องหรือผู้ถูกฟ้องคดีหรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกผลกระทบจากคดีนั้น มีคำขอตามหลักเกณฑ์ 4 ข้อด้วยกัน คือ

1.ศาลปกครองฟังข้อเท็จจริงผิดพลาดหรือมีพยานหลักฐานใหม่ อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติไปเเล้วเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ 2. คู่กรณีที่แท้จริงหรือบุคคลภายนอกที่มีผลกระทบไม่ได้ถูกเรียกเข้ามาร่วมดำเนินกระบวนพิจารณาคดี 3. มีข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนพิจารณาพิพากษาที่ทำให้ผลของคดีไม่มีความยุติธรรม 4.คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ทำขึ้นโดยศาลรับฟังข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใด

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,494 วันที่ 8 - 10 สิงหาคม พ.ศ. 2562

กอร์ดอนวูทิ้ง  แลกส่วนแบ่ง  ค่าโง่โฮปเวลล์