"ชาญ บูลกุล"ยัน JAS ไม่รีบร้อนหาพันธมิตรธุรกิจ

25 ก.ค. 2562 | 11:26 น.

"ชาญ บูลกุล"  ยัน JAS  ไม่มีความจำเป็นต้องรีบหาพันธมิตรร่วมธุรกิจ เหตุมีทุนจาก JASIF รองรับหนาพอ 3.8 หมื่นล้านบาท  ตอกกลับ "ผมเป็นหมอผ่าตัดธุรกิจ ไม่ใช่หมอผ่าตัดหุ้น"

กระแสข่าวลือแพร่สะพัดว่ายักษ์สื่อสารทั้งไทยและต่างประเทศ  DTAC  ADVANC และ Korea Telecommunication (KT) สนใจซื้อกิจการบรอดแบนด์ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนขั่นแนล จำกัด(มหาชน) (บมจ.) หรือ JAS โดยอยู่ระหว่างการเจรจา

ก่อนที่ JAS จะทำหนังสือชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 24 กรกฏาคมในวันเดียวกันถึง 3 ครั้ง ปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยในท้ายของหนังสือชี้แจง  JAS ระบุว่า อย่างไรก็ตามบริษัทได้พิจารณาแผนการหาแหล่งเงินทุนรองรับทั้งจากตลาดเงิน ตลาดทุน และพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อทำให้ศักยภาพการแข่งขันยังคงดำรงอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปและบริษัทไม่ได้นำเงินไปชำระหนี้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

ข่าวลือที่ว่าถูกมองว่าเป้าหมายเพื่อดันราคา  หลังหุ้น JAS ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องสูงสุดที่ 8.00 บาท ปรับขึ้นเท่าตัวจากต้นปีที่อยู่ระดับ 4 บาทกว่าและพุ่งขึ้น 9.6% ภายใน 1 สัปดาห์จากราคาปิดที่ 7.30 บาทเมื่อวันที่ 17 กรกฏาคมที่ผ่านมา

 

หลายฝ่ายคงโฟกัสไปยัง"ชาญ บูลกุล"  หรือ"มาลีชาน" กุนซือพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JAS

ชาญ บูลกุล

นายชาญ บูลกุล  ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป เปิดใจกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ชี้แจงว่า ความจำเป็นในการหาพันธมิตรมาร่วมทุนสำหรับ JAS ในปัจจุบันถือว่าน้อยกว่าอดีตมาก และหากจะมีการเจรจาซื้อขายจริง ก็เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขึ้นกับความพึงพอใจ"ราคา"ของผู้ซื้อและผู้ขายที่จะตกลงกัน วงเงินระดับหลายหมื่นล้านบาท ไม่ใช่เรื่องที่คุยแล้วต้องได้ข้อสรุปทันทีในสัปดาห์ สองสัปดาห์อย่างกรณีของ"เหมราช"กว่าจะหาผู้ซื้อได้ยังใช้เวลาปีกว่า กว่าจะปิดดีลสำเร็จ

"หากจะมีการเจรจากันจริง แผนที่ไหนจะได้ข้อสรุปกันเร็ว  และรูปแบบการหาพาร์ทเนอร์มาร่วมก็มีมากกว่า 10 วิธี  ผมตอบไม่ได้ขึ้นกับเจ้าของ   (พิชญ์ โพธารามิก)  ซึ่งก็เป็นไปตามที่บริษัทได้รายงานชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ "

ชาญ แจงต่อ ปัจจุบันบริษัทมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ทจัสมิน หรือ JASIF และในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ JASIF จะประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อเพิ่มทุน(RO) วงเงิน 23,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งยังมาจากเงินกู้จากธนาคารกรุงเทพราว 15,500 ล้านบาท รวมแล้วประมาณ 38,000 ล้านบาทเพื่อรองรับตามแผนในการซื้อสินทรัพย์จาก JAS (JASIF เฟส 2)

" เรามีทุนขนาด 38,000 ล้านบาทจะไปห่วงอะไร รองรับไปอีกนาน เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ JAS ต้องการทุน ต้องการมีพาร์ทเนอร์เพราะช่วงนั้นธุรกิจขยายเยอะ แต่วันนี้เราไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน การเจรจาจะสำเร็จหรือไม่ เฉย ๆๆ ไม่สำเร็จก็เจรจากันต่อ ไม่รีบร้อน"

ส่วนคำถามที่ว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแรง ? ชาญกล่าวต่อว่า "ก่อนหน้า 2 ปี ที่มีข่าวว่ากอง JASIF จะออก  ราคาหุ้น JAS ก็เคยปรับขึ้นถึง 7-8 บาท พอ JASIF ไม่ออกมา ราคาตกมา 3 บาทกว่าก็เคยมี ตลาดหุ้นเป็นเรื่องของ emotion ไม่มี logic อะไร "  

กับคำถามที่ว่าคิดอย่างไร คนอาจมองว่า กุนซือ อยู่เบื้องหลังแผน

ชาญ ตอบว่า "ถูกแล้วที่คนจะมองผมเป็นกุนซือผู้อยู่เบื้องหลัง  ผมเป็นผู้ทำแผนธุรกิจ เป็นหมอผ่าตัดธุรกิจ ไม่ใช่หมอผ่าตัดหุ้น เมื่อธุรกิจดี ราคาหุ้นก็ดีตาม ธุรกิจไม่ดี ราคาหุ้นก็ตก"  

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุ คาดการซื้อสินทรัพย์เข้า JASIF ซึ่งถือเป็นเฟส 2 จะเสร็จภายในปี 2562 และเริ่มรับรู้รายได้จากสินทรัพย์ใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2563 โดยราคาขายเฟส 2 อยู่ที่ 35,000 ล้านบาท โดยสินทรัพย์เป็นไฟเบอร์ ออพติกที่ 6.5 แสนคอร์กิโลเมตร หากอ้างอิงอัตรากำไรที่ได้รับจากการขายสินทรัพย์เฟส 1 คาดว่ากำไรก่อนและหลังภาษีเป็น 11,600 และ 9,200 ล้านบาทตามลำดับ ทำให้กำไรสุทธิปี 2562 สูงไปถึง 11,400 ล้านบาท โตกระโดดถึง 104% YoY และด้วยอัตราการจ่ายปันผล (Payout Ratio) ที่ 80% จึงคาดว่าเงินปันผลต่อหุ้นปี 2562 ถึง 1 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลสูงถึง 13.7%  โดยแนะซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมายที่ 9.78 บาท 


ราคาปิดหุ้น JAS  เมื่อวันที่  25 ก.ค. อยู่ที่ 6.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย. 1,163. ล้านบาท  ขณะที่ราคาวันที่ 23 ก.ค. ปิดที่ 6.30 บาท ลดลง 1.30 บาท หรือ 17.11% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4,299.12 ล้านบาท และวันที่ 24 ก.ค. ปิดที่ 6.25 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 0.79% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2,674.06 ล้านบาท