กรุงศรีฯ จ่อดูดเงินฝากลูกค้ารายใหญ่ 19%

19 มี.ค. 2562 | 09:52 น.

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา รุกดึงเงินฝากรายใหญ่โต 19% จาก 7.7 หมื่นล้านบาท เป็น 9.1 หมื่นล้านบาท หนุนธุรกิจขยายตัว-เสริมสถานะการเงินให้แบงก์ พร้อมตั้งเป้า 2 ปี ดันสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมโต 40% ชูจุดแข็งแบงก์ลูกครึ่ง-โปรดักต์จูงใจ ด้านสินเชื่อขอโต 8% ยอดคงค้างแตะ 4.08 แสนล้านบาท เผยแนวโน้มควบรวมกิจการยังมีต่อเนื่อง

นางเมธินี จงสฤษดิ์หวัง ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ธนาคารจะโฟกัสการเติบโตเงินฝากในส่วนของลูกค้ากลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ที่มียอดขายเกิน 1,000 ล้านบาทต่อปี โดยตั้งเป้าเติบโตเงินฝาก 19% จากฐานเงินฝากที่มีอยู่ 7.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 9.1 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่ตั้งเป้าเติบโต 8% จากยอดสินเชื่อคงค้างที่มีอยู่ 3.78 แสนล้านบาท จะเพิ่มเป็น 4.08 แสนล้านบาท ขณะเดียวกัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา

  กรุงศรีฯ จ่อดูดเงินฝากลูกค้ารายใหญ่ 19%

ทั้งนี้ เป้าหมายการเติบโตเงินฝาก จะมุ่งเน้นการเป็นธนาคารหลักในเรื่องการใช้บริการ หรือ Main Operating Account  ทั้งในแง่สินเชื่อ เงินฝาก และการทำธุรกรรมทางการเงิน (Transaction Banking) โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 30-35% จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 20% ซึ่งเงินฝากที่จะขยายตัวนั้นจะมาจาก 2 ส่วน คือ เงินฝากติดก้นถุงในด้านการชำระเงินที่ลูกค้าทิ้งไว้เฉยๆ เฉลี่ย 50-100 ล้านบาทต่อบริษัท และดึงเงินฝากจากกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่ได้ใช้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นธนาคารหลัก

 

สำหรับกลยุทธ์การดึงเงินฝากนั้น จะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยจะเท่ากันทุกธนาคาร ดังนั้นธนาคารจะเน้นจุดแข็งที่เป็นธนาคารพาณิชย์ลูกครึ่งที่มีสาขากว่า 50 แห่งทั่วโลก ลูกค้าสามารถโอนเงินได้สะดวก รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ต่างประเทศที่สามารถบริการลูกค้าได้อย่างครบวงจร ภายในงบการเงิน (Balance Sheet) ที่เป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) อยู่ที่ 12-13% ในแง่สินทรัพย์เมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งระบบ

ขณะเดียวกัน ธนาคารตั้งเป้าภายใน 2 ปี (2562-2563) จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่มาจากค่าธรรมเนียมเป็น 40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% และรายได้จากอัตราดอกเบี้ยจะลดลงเหลือ 60% จาก 70% ส่วนหนึ่งมาจากแนวโน้มการช่วยลูกค้าในเรื่องบริการด้านอื่นๆ เช่น ที่ปรึกษาการลงทุนในต่างประเทศ การควบรวม (M&A) ซื้อกิจการ และการออกหุ้นกู้ เป็นต้น ซึ่งทิศทางในปีนี้คาดว่าจะมีดีลคึกคักกว่าปีก่อน โดยในปีก่อนธนาคารเป็นผู้จัดจำหน่าย หุ้นกู้ ทั้งสิ้น 1.07 แสนล้านบาท คิดเป็นมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 13% ถือเป็นอันดับที่ 3 ของตลาด

กรุงศรีฯ จ่อดูดเงินฝากลูกค้ารายใหญ่ 19%

สำหรับแนวโน้มดีลในปี 2562 คาดว่าจะยังคงคึกคัก โดยังมีความต้องการลงทุนหรือควบรวมกิจการในต่างประเทศและต่างประเทศ โดยจะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่ม โรงพยาบาล โรงแรม เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่ยังคงขยายตัว รวมถึงการลงทุนในประเทศโดยเฉพาะโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยเฉลี่ยเม็ดเงินลงทุนจะอยู่ที่ 1-3 หมื่นล้านบาทต่อดีล

                ปีนี้เราจะมุ่งเน้นการเติบโตเงินฝากมากขึ้นหลังเราเติบโตสินเชื่อต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นว่าเงินฝากก้นถุงของบริษัทขนาดใหญ่มีเยอะที่ทิ้งไว้เฉยๆ เราจึงอยากจะเน้นดึงเงินฝากตรงนี้มากขึ้น แม้ว่าจะเป็นต้นทุนกับแบงก์เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าบริการอื่นๆ จะมาช่วยชดเชยได้

นายพรสนอง ตู้จินดา ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจ บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ภาพรวมของสินเชื่อธุรกิจพบว่าปีนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยหากดูภาพรวมของธุรกิจรายใหญ่และธุรกิจเอสเอ็มอีปีนี้คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ราว 6.2% จาก 6.49 แสนล้านบาท เป็น 6.89 แสนล้านบาทในปีนี้ ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.8% แต่การเติบโตด้านสินเชื่อของธนาคารยังคงเติบโตอย่างระมัดระวัง และเลือกกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพมากขึ้น เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจแม้จะเติบโตได้ดี แต่ไม่ได้กระจายตัว หรือเติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ ดังนั้นการเติบโตด้านสินเชื่อของธนาคาร ต้องมุ่งไปหากลุ่มที่มีศักยภาพมากขึ้น เช่นกลุ่ม โรงพยาบาล โรงแรม และกลุ่มอาหาร ที่ยังได้ผลบวกจากการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงการเติบโตในส่วนของสินเชื่อลูกค้าญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนลูกค้าธุรกิจที่เป็นญี่ปุ่นอยู่ราว 12%

 นอกจากการเติบโตในด้านสินเชื่อแล้ว เพื่อให้ธนาคารมีฐานการเติบโตอย่างยั่นยืน ธนาคารยังมุ่งเป้าไปสู่การให้บริการลูกค้าธุรกิจในด้านอื่นๆด้วย เช่นการนำซูโลชั่นทางการเงินที่เหมาะสม มาใช้ดูแลลูกค้าธุรกิจรายใหญ่มากขึ้น รวมถึงการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลมาดูแลกลุ่มลูกค้าธุรกิจธนาคาร เพื่อเพิ่มทางเลือกและโอกาสให้กับลูกค้าของธนาคารมากขึ้น