ไปรษณีย์ไทย "ดิ้น" ปรับตัวสู้คู่แข่ง ขยายเวลาไร้วันหยุด ดีเดย์ 1 ธ.ค. ตั้งเป้าปีนี้กำไร 4,500 ล้าน
แหล่งข่าวจาก บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไป สำนักงาน ปณท ขยายเวลาบริการรับฝากพัสดุ จากเดิมเวลาทำการวันจันทร์-ศุกร์ เปิดตั้งแต่ 08.00-16.00 น. ได้ปรับเป็น 08.00-20.00 น. ส่วนวันเสาร์ 08.00-17.00 น. และวันอาทิตย์ 08.00-12.00 น. โดยเฉพาะสำนักงานสาขาและในห้างสรรพสินค้า ส่วนไปรษณีย์สุวรรณภูมิเปิดบริการ 24 ชั่วโมง
เหตุผลที่ขยายเวลารับ-ฝาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการแข่งขัน และอีกส่วนหนึ่งต้องการเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชน ซึ่งปัจจุบัน รับ-ส่งพัสดุไปรษณีย์เติบโตตามธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ดังนั้น ปณท จึงขยายเวลารับฝากออกไป
"ถ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ นำส่งเช้า นำจ่ายบ่าย ถึงผู้รับภายในวันเดียว โดยมี
'ที่ทำการไปรษณีย์ไทย' ซึ่ง ปณท ดำเนินการเองกว่า 1,300 แห่ง และ
'ที่ทำการไปรษณีย์เอกชน' อีกกว่า 3,000 แห่ง รวมแล้วกว่า 5,000 แห่งที่กระจายทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมี
'ศูนย์ไปรษณีย์' จำนวน 18 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กระจายพัสดุและไปรษณียภัณฑ์ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในภูมิภาคนั้น ๆ"
สำหรับสัดส่วนการรับฝาก แบ่งเป็น พัสดุภัณฑ์ 70% ที่เหลือเป็นซองและของตีพิมพ์ นอกจากนี้ ยังให้บริการรับฝากถึงที่ในราคาตั้งแต่ 3 หมื่นบาทเป็นต้นไป รวมถึงยังมีแผนเก็บเงินปลายทางอีกด้วย
ผลประกอบการของ ปณท. ใน 3 ปีที่ผ่านมา แม้มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาด แต่ยังมีผลกำไรเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2558 กำไรสุทธิ 2,446.9 ล้านบาท ปีถัดมากำไรสุทธิ 3,499.30 ล้านบาท และปี 2560 อยู่ที่ 4,222 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าอยู่ที่ 4,400-4,500 ล้านบาท
[caption id="attachment_357813" align="aligncenter" width="335"]
สมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด[/caption]
ด้าน นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า การขยายเวลาครั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค
"คอนเซ็ปต์ของเรา ส่งวันนี้ได้รับของพรุ่งนี้ ไม่ได้แข่งกับใคร คนไปรษณีย์ปรับตัวตลอด"
สำหรับแผนงานที่ต้องทำ คือ พัฒนาคุณภาพบริการ, นำเทคโนโลยีาใช้ทั้งระบบ การรับฝาก-คัดแยก-ส่งต่อ-นำจ่าย เพื่อให้รองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น พร้อมพัฒนาศักยภาพด้านโลจิสติกส์ ร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ เช่น เปิดจุดให้บริการรับฝากในพื้นที่ห้างสรรพสินค้าและสถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม
'ไปรษณีย์ไทย' ได้เตรียมจัดตั้ง
"ศูนย์ไปรษณีย์แห่งใหม่ ใช้ระบบ Full Automation" 2 แห่ง คือ จ.ชลบุรี ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) และ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อรองรับปริมาณงานที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ล่าสุด ได้เปิดศูนย์ไปรษณีย์ e-Commerce ที่เขตหลักสี่ เพื่อแยกระบบการขนส่งสินค้า e-Commerce ออกจากระบบงานขนส่ง EMS ปกติ พร้อมทั้งให้บริการ Prompt Post เตรียมการฝากส่งล่วงหน้า บริการเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) เป็นบริการเสริมใช้ควบคู่กับบริการ EMS โดยจัดทำจ่าหน้าผ่านระบบ Prompt Post ผู้รับปลายทางชำระเงินค่าสินค้าผ่าน Wallet@Post ของไปรษณีย์ไทยได้อีกด้วย
ในส่วนผู้ให้บริการโลจิสติกส์ จากเดิมที่ไปรษณีย์ไทยให้บริการเพียงรายเดียว ปัจจุบัน มีเอกชนเพิ่มให้บริการ คือ เคอรี่ และล่าสุด คือ สปีด-ดี (SPEED-D) บริการรับ-ส่งพัสดุด่วนผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่น จำนวน 3,700 สาขา
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,423 วันที่ 2 - 5 ธ.ค. 2561 หน้า 01+15
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
ปณท เตรียมจัดใหญ่ "งานแสตมป์ระดับโลก 2018"
●
ITEL ลุ้น 3 โปรเจ็กต์! เชื่อมข้อมูล ปณท - เน็ตชายขอบหนุนแบ็กล็อกกว่า 5 พันล้าน