โบรกแนะเก็บหุ้นดักLTF

05 พ.ย. 2561 | 08:17 น.
 

เม็ดเงินกองทุนจ่อลุยหุ้น 4 หมื่นล้าน
โบรกเกอร์ชี้ตลาดหุ้นอ่อนตัวเป็นโอกาสเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีเข้าพอร์ต บล.เอเซียพลัสฯ ชี้เม็ดเงินกองทุน LTF รอเข้าตลาดกว่า 4 หมื่นล้านบาท เน้นหุ้นอิงเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ บล.ไทยพาณิชย์ แนะเลือกหุ้นรับอานิสงส์ค่าบาทอ่อน บล.กรุงศรี มองดัชนีมีลุ้นทดสอบแนวต้าน 1700-1730 จุด
สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยเด้งกลับขึ้นมาที่ระดับ 1680 ถึงแม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง แต่มีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันหนุนให้ตลาดหุ้นไทยกระเตื้องขึ้นมาได้ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด มองว่าแม้ตลาดหุ้นจะดีดกลับขึ้นมาได้บ้าง แต่ทิศทางตลาดยังมีโอกาสปรับฐานอยู่ เพราะถูกกดดันจากปัญหาสงครามการค้า ซึ่งตอนนี้นํ้าหนักอยู่ที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบที่ 4 ราว 2.67 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ หรือหลังการประชุม G20 หรือไม่

นักลงทุนยังให้นํ้าหนักกับการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ซึ่งจะมีขึ้นวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ ต้องดูว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะยังคงรักษาเสียงข้างมากไว้ได้หรือไม่ เพราะจะมีผลต่อนโยบายที่สำคัญในระยะถัดไป MP18-3415-A

Sentiment เชิงลบดังกล่าว บวกกับเงินทุนต่างชาติที่ยังไหลออก ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังผันผวน อย่างไรก็ตาม ยังพอมีปัจจัยหนุนระยะสั้น คือ เม็ดเงินจากกองทุนรวม LTF และ RMF จะเข้ามาหนุนตลาดช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยจากสถิติในอดีต พบว่านักลงทุนมักซื้อ LTF ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีคิดเป็นสัดส่วน 67.8% ของเม็ดเงินที่ซื้อทั้งปี (เดือนตุลาคม 8%, พฤศจิกายน 12.7% และธันวาคม 47%)

หากเปรียบเทียบกับปี 2560 ที่มียอดซื้อทั้งปี 6.45 หมื่นล้านบาท ประเมินว่าน่าจะมีเม็ดเงิน LTF เข้ามาหนุนตลาดในไตรมาส 4 นี้ ราว 4.37 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยประคอง SET Index ให้ลดลงจำกัด จึงมองว่าเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่จะทยอยสะสมหุ้น โดยฝ่ายวิจัย ASP ยังคงเน้นเลือกหุ้น Domestic Play ได้แก่ หุ้นอิงกับเศรษฐกิจ การบริโภคในประเทศ, หุ้นสาธารณูปโภค-ได้ประโยชน์จาก EEC, หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง-การลงทุนภาครัฐ, หุ้นปันผลสูง

บล.ไทยพาณิชย์ฯ ระบุว่าในเดือนตุลาคมดัชนีตลาดหุ้นลดลง 5.0% มาที่ 1669 จากการขายสุทธิของต่างชาติเกือบทุกวันรวม 6.4 หมื่นล้านบาท สวนทางกับกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ขยับขึ้น 1.3% ส่งผลให้ Forward PER ของตลาดลดลงมาอยู่ที่ 14.3 เท่า โดยมองว่าการปรับตัวลงเป็นโอกาสในการลงทุนหุ้นที่ยังแพ้ตลาด (Laggard) แต่มีพื้นฐานดี โดยหุ้นเด่นในเดือนพฤศจิกายนเน้นหุ้นที่มีผลประกอบการไตรมาส 3/2561 ที่แข็งแกร่ง และรับอานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อน (CPF, TU) ราคาปรับตัวลงมากเกินไป (CPALL) และวัฏจักรการลงทุนของไทยและดอกเบี้ยขาขึ้น (AMATA, BBL, KTB)

บล.กรุงศรีฯ คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเดือนพฤศจิกายนจะฟื้นตัวทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1700-1730 จุด จากการที่ดัชนีลดลงมาที่ระดับ 1669 คิดเป็นค่า Forward PER ปีนี้อยู่ที่ 15 เท่า ถือว่าไม่ถูกไม่แพง เพราะเท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ขณะที่การเมืองเริ่มผ่อนคลาย และคาดหวังว่าภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยหนุนตลาด

กลยุทธ์การลงทุนให้เลือกหุ้นรายตัว เน้นหุ้นที่ราคาร่วงแรงแต่ปัจจัยพื้นฐานยังคงดี และเลือกกลุ่มที่จะได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นการลงทุนจากภาครัฐอาทิ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มท่องเที่ยว หุ้นเด่นที่แนะนำในเดือนนี้คือ ANAN, CENTEL, EPG, KTB และ STA

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,415 วันที่ 4-7 พฤศจิกายน 2561

595959859