Bitkub มั่นใจบล็อกเชนมาเร็ว รุกสร้างตลาดหลักทรัพย์ฯยุค2.0

18 ต.ค. 2561 | 13:28 น.
สัมภาษณ์
บริษัท บิทคับ แคปปิตอลกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นผู้ประกอบการด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน โดยมีบริษัทในกลุ่มคือ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ให้บริการศูนย์กลางซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอล  (Exchange) ผ่าน Bitkub.com และบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิตอล (ICO Portal)

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บิทคับ แคปปิตอลกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงภาพรวมของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล หรือคริปโตเคอร์เรนซี (Crypto Currency)ในปัจจุบันว่า มูลค่ารวมตามราคาตลาด หรือ Market Capitalization ของสินทรัพย์ดิจิตอลทั่วโลก ลดลงจากที่เคยสูงสุดปลายปีที่แล้ว8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปัจจุบัน

[caption id="attachment_333847" align="aligncenter" width="503"] จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา[/caption]

“ที่ตลาดคริปโตฯ ขึ้นมาแรงปลายปีที่แล้วเกิดจาก 2 ส่วน คือ การเก็งกำไรในราคา กับการนำไปใช้จริง แต่สัดส่วนการเก็งกำไรมากกว่า ทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปสูง ตอนนี้ราคาก็ปรับตัวลดลงมา ในระยะยาวราคาก็จะปรับตัวและเคลื่อนไหวอยู่ในระดับที่เหมาะสมผู้ใช้จะเป็นคนกำหนดมูลค่า เมื่อการนำไปใช้ประโยชน์จริงแพร่หลายมากขึ้นกว่าในปัจจุบัน”

การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด ตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นตก ตลาดคริปโตฯก็ลดลงแรง เงินถูกเคลื่อนย้ายไปสู่ทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงตํ่า

นายจิรายุสกล่าวว่าในช่วงนี้ตลาดคริปโตฯ ถือว่าอยู่ในช่วง Wave แรก ที่เป็นการเล่นของนักลงทุนรายย่อยในตลาด ใน Wave ถัดไปจะเป็นการเข้ามาของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งจะผลักดันให้ตลาดขึ้นไปได้ สาเหตุที่นักลงทุนสถาบันเข้าตลาดช้ากว่ารายย่อย เพราะต้องรอให้ถูกต้องตามกฎหมาย มีกฎเกณฑ์รองรับที่ชัดเจน และต้องมีระบบการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิตอลให้มีความปลอดภัยมีความเป็นมาตรฐาน Bitkub-Thailand-Cryptocurrency-Bitcoin-Exchange

“ในไทยเรามีกฎหมายประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอลแล้ว ส่วนเรื่องมาตรฐานการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิตอลให้มีความปลอดภัย และจะมีรายใดได้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจบ้าง คาดว่าจะรู้ภายในปลายปีนี้ หรือไตรมาสแรกปีหน้า”

ในต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น หรือยุโรปก็เริ่มมีการยอมรับให้ชำระเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิตอลได้แล้ว ในสหรัฐฯตลาดหลักทรัพย์หลักอย่าง NYSE และ Nasdaq ก็มีการเข้าไปซื้อศูนย์กลางซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอลแล้ว ถึงแม้จีนจะยังห้ามธุรกิจคริปโตฯเพราะต้องการควบคุมปริมาณการเงิน แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถคุมได้จริง คนจีนก็เข้ามาซื้อขายในตลาดคริปโตฯกันมาก

“เชื่อว่าภายใน 5 ปี เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะเทคโนโลยีมาแล้ว มีการใช้ระบบชำระเงินดิจิตอลอย่างแพร่หลาย เพียงแต่ตอนนี้ยังเป็นเงินตรา แต่ในอนาคตจะเป็นคริปโตฯเพราะโอนได้รวดเร็ว ต้นทุนตํ่า”

ปัจจุบัน Bitkub มีทีมงานราวๆ 70 คน เป็นส่วนของศูนย์ กลางซื้อขาย (Exchange) และผู้ให้บริการระบบซื้อขายโทเคน(ICO Portal) นายจิรายุสกล่าวว่าส่วน Exchange ตั้งแต่เปิดให้บริการมา 3-4 เดือนมีมูลค่าการซื้อขายรวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท และในปัจจุบันมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยวันละ 70-80 ล้านบาท มากเป็นอันดับ 2 ในประเทศไทย มีโบรกเกอร์บางรายที่แจ้งมาว่าต้องการเชื่อมระบบซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอลของ Bitkub เพื่อให้บริการลูกค้าที่สนใจ

ธุรกิจผู้ให้บริการระบบซื้อขายโทเคน (ICO Portal) ภายใต้บริษัท บิทคับ บล็อคเชนเทคโนโลยี จำกัด มีลูกค้าติดต่อเข้ามาจำนวนมาก หน้าที่ของเราคือการคัดกรอง ICO ต่างๆ ในอนาคตธุรกิจวาณิชธนกิจ หรือ Investment Banking ก็จะเป็น IB 2.0 สามารถระดมทุนได้ทั่วโลก ด้วยการออก ICO

นายจิรายุสกล่าวถึงเป้าหมายของ Bitkub ว่า เราจะสร้างตลาดหลักทรัพย์ฯ 2.0 ขึ้นมา โดยหุ้น 2.0 ก็คือ เหรียญโทเคนต่างๆ อาทิ Securities Token ที่จ่ายผลตอบแทนคล้ายเงินปันผลได้ Utilities Token ที่สามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าและบริการ Asset Backed Token ที่มีสินทรัพย์เป็นตัวหนุนมูลค่าของโทเคน

“โทเคนเหล่านี้มีคุณสมบัติที่สามารถทำได้เหมือนหุ้น สร้างกำไรจากส่วนต่างราคาได้ (Capital Gain) จ่ายเงินปันผลได้ (Dividend) สร้างความเป็นเจ้าของร่วมเหมือนการถือหุ้นได้(Fractional Ownership) และจะมีลูกเล่นที่หลากหลายมากกว่าหุ้น เราจะเห็นภาพนี้เกิดขึ้นในอนาคต”

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,410 วันที่ 18-20 ตุลาคม 2561 e-book-1-503x62-7-1-503x62