ผู้นำที่พร้อมปรับตัว ผลักดัน "MBK Guarantee" สู่พอร์ตหมื่นล้าน!!
การเป็น 'ผู้นำ' ไม่จำเป็นต้องเก่งและชำนาญในทุก ๆ เรื่อง แต่ผู้นำที่ดี คือ ผู้นำที่เปิดรับและพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ นิยามการเป็นผู้นำเหล่านี้น่าจะใช้ได้ดีกับ "ศักดิ์ชัย สุทธิพิพัฒน์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม บี เค การันตี จำกัด ที่ปลุกปั้นและสร้าง "เอ็มบีเค การันตี" จากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน กลายเป็นธุรกิจการให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีพอร์ตสินเชื่อมูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท ด้วยเวลาเพียง 7-8 ปี
"ศักดิ์ชัย" ไม่ได้มีฐานประสบการณ์ด้านแบงก์มาก่อน หลังจบการศึกษาด้านพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เขาได้ทำงานเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีและเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินที่พีดับบลิวซี ไทยแลนด์ และทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดอันดับเครดิตใน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (ทริสเรทติ้ง) จนมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนที่ เอ็มบีเค กรุ๊ป ทำหน้าที่วิเคราะห์ความสามารถในการลงทุนของบริษัทในเครือ และที่นี่เองที่เขาได้รับโอกาสจากผู้บริหารระดับสูง ให้ดูแลธุรกิจการให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ จนปัจจุบันได้กลายมาเป็น บริษัท เอ็มบีเค การันตี จำกัด
[caption id="attachment_310285" align="aligncenter" width="335"]
ศักดิ์ชัย สุทธิพิพัฒน์[/caption]
ผลงานของผู้บริหารคนนี้ คือ การบริหารและพัฒนาองค์กรจนทำให้ เอ็ม บี เค การันตี เป็นบริษัทที่ทำกำไรเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเอ็มบีเค รองจากศูนย์การค้าเอ็มบีเค
"ศักดิ์ชัย" บอกว่า การที่สามารถพัฒนาองค์กรให้เติบโตมาได้อย่างต่อเนื่อง เกิดจากปัจจัยสำคัญประการแรก คือ แบรนด์ของธนชาต ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มเอ็มบีเค จากจุดเริ่มต้นที่ได้รับโจทย์ให้เจาะกลุ่มคนรวยที่มีที่ดินและอยากใช้เงิน แต่ไม่สามารถกู้เงินจากแบงก์ได้ เนื่องจากไม่มีเอกสาร หรือ หลักฐานทางการเงินตามที่แบงก์ต้องการ การเจาะถึงลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ง่ายนัก เพราะเอ็มบีเค การันตี ไม่มีฐานลูกค้ามาก่อน แต่จากฐานของบริษัทแม่อย่าง 'ธนชาต' ที่มีทั้งฐานลูกค้าและฐานความเชื่อมั่น ทำใก้การทำงานของเขาเดินหน้าไปได้ด้วยดี
เป้าหมายในการสร้างองค์กรใหม่ของผู้นำคนนี้ คือ การสร้างเอ็มบีเค การันตี ให้เป็นสมาร์ทคัมปะนี โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้งานขององค์กรเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ เขาเริ่มสร้างทีมใหม่ ที่ไม่ติดกรอบการทำงานแบบนายธนาคาร สร้างวิถีการทำงานแบบเอ็มบีเค การันตี ที่ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าอย่างมีคุณภาพ เป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดให้กับลูกค้า ที่พร้อมให้คำปรึกษาและคำแนะนำที่ดี ไม่เอาเปรียบ จริงใจ เข้าถึงง่าย รวมทั้งทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการกู้ยืมกับเอ็มบีเค การันตี ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็มีความพิถีพิถันในการคัดเลือกลูกค้าที่มีคุณภาพจริง ๆ เช่นกัน
"เมื่อลูกค้ามีความต้องการเร่งด่วนด้านการเงิน เราสามารถช่วยเขาได้ทันที สิ่งที่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ คือ 'ความเร็ว' เราต้องเร็วมาก อย่างเงินกู้ 300-400 ล้าน ภายในอาทิตย์เดียวเราก็ทำให้ได้ และที่สำคัญ คือ วงเงินที่ไม่จำกัด ต่างจากคู่แข่งบางรายที่ติดข้อจำกัดด้านวงเงิน"
ผู้นำคนนี้ไม่ต้องการทีมงานที่ใหญ่ ปัจจุบันเขามีทีมงาน 30-40 คน และไม่ได้คิดว่าจะต้องขยายคนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเติบโตขององค์กร แต่องค์กรของเขาสามารถเดินหน้าได้แบบง่าย ๆ และมั่นคง ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ พร้อมทั้งทำให้พนักงานเรียนรู้เทคโนโลยีไปพร้อม ๆ กัน เพราะโลกของการแข่งขันยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก คนทำงานจึงต้องพร้อมปรับตัวอยู่ตลอดเวลา รวมถึงผู้นำด้วย
"ผมชอบการเปลี่ยนแปลง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เพราะมันทำให้เขาคาดเดาผลลำบาก แต่ทุกคนต้องปรับตัวไปกับองค์กรให้ได้ คนที่อยู่ต้องพร้อมเรียนรู้ ปรับตัวให้การทำงานดีขึ้น เพื่อให้องค์กรดีขึ้น โดยทุกคนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย เราจึงจะสมาร์ทคัมปะนีได้"
ผู้นำคนนี้ บอกเลยว่า เขาไม่ได้เก่งเทคโนโลยี แต่เขาเป็นคนที่พร้อมเรียนรู้ ความเชื่อของเขา คือ การให้ความสำคัญกับการทำงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม ซึ่งสุดท้ายผลที่ได้ คือ คนทำงานที่ยังมีคุณภาพชีวิตที่ดี และองค์กรสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง ... เป้าหมายของเรา คือ ผลประกอบการที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดี
จากแนวทางการบริหารในรูปแบบของ เอ็มบีเค การันตี ทำให้ผู้บริหารคนนี้สามารถสร้างผลกำไรในปีที่ผ่านมาได้ถึง 300-400 ล้านบาท จากจำนวนพนักงาน 30-40 คน เพราะฉะนั้นหากคิดเป็นกำไรต่อหัว มีมากถึง 10 ล้านบาทต่อหัวเลยทีเดียว และเขาตั้งเป้าที่จะทำให้พอร์ตสินเชื่อขยายมูลค่าจาก 7,000 ล้านบาทในปัจจุบัน ขยับขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท ภายใน 2-3 ปี
……………….
เซกชัน : ซีอีโอโฟกัส โดย นสพ.ฐานเศรษฐกิจ
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,396 วันที่ 30 ส.ค. ถึง 1 ก.ย. 2561 หน้า 25
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● MBK ฟัน 1.1 พันล. ขาย รร.รอยัลออคิด
● ซีอีโอ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ย้ำหุ้น MBKET ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
"ศักดิ์ชัย" ไม่ได้มีฐานประสบการณ์ด้านแบงก์มาก่อน หลังจบการศึกษาด้านพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เขาได้ทำงานเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีและเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินที่พีดับบลิวซี ไทยแลนด์ และทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดอันดับเครดิตใน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (ทริสเรทติ้ง) จนมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนที่ เอ็มบีเค กรุ๊ป ทำหน้าที่วิเคราะห์ความสามารถในการลงทุนของบริษัทในเครือ และที่นี่เองที่เขาได้รับโอกาสจากผู้บริหารระดับสูง ให้ดูแลธุรกิจการให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ จนปัจจุบันได้กลายมาเป็น บริษัท เอ็มบีเค การันตี จำกัด
[caption id="attachment_310285" align="aligncenter" width="335"]
ผลงานของผู้บริหารคนนี้ คือ การบริหารและพัฒนาองค์กรจนทำให้ เอ็ม บี เค การันตี เป็นบริษัทที่ทำกำไรเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเอ็มบีเค รองจากศูนย์การค้าเอ็มบีเค
"ศักดิ์ชัย" บอกว่า การที่สามารถพัฒนาองค์กรให้เติบโตมาได้อย่างต่อเนื่อง เกิดจากปัจจัยสำคัญประการแรก คือ แบรนด์ของธนชาต ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มเอ็มบีเค จากจุดเริ่มต้นที่ได้รับโจทย์ให้เจาะกลุ่มคนรวยที่มีที่ดินและอยากใช้เงิน แต่ไม่สามารถกู้เงินจากแบงก์ได้ เนื่องจากไม่มีเอกสาร หรือ หลักฐานทางการเงินตามที่แบงก์ต้องการ การเจาะถึงลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ง่ายนัก เพราะเอ็มบีเค การันตี ไม่มีฐานลูกค้ามาก่อน แต่จากฐานของบริษัทแม่อย่าง 'ธนชาต' ที่มีทั้งฐานลูกค้าและฐานความเชื่อมั่น ทำใก้การทำงานของเขาเดินหน้าไปได้ด้วยดี
เป้าหมายในการสร้างองค์กรใหม่ของผู้นำคนนี้ คือ การสร้างเอ็มบีเค การันตี ให้เป็นสมาร์ทคัมปะนี โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้งานขององค์กรเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ เขาเริ่มสร้างทีมใหม่ ที่ไม่ติดกรอบการทำงานแบบนายธนาคาร สร้างวิถีการทำงานแบบเอ็มบีเค การันตี ที่ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าอย่างมีคุณภาพ เป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดให้กับลูกค้า ที่พร้อมให้คำปรึกษาและคำแนะนำที่ดี ไม่เอาเปรียบ จริงใจ เข้าถึงง่าย รวมทั้งทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการกู้ยืมกับเอ็มบีเค การันตี ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็มีความพิถีพิถันในการคัดเลือกลูกค้าที่มีคุณภาพจริง ๆ เช่นกัน
"เมื่อลูกค้ามีความต้องการเร่งด่วนด้านการเงิน เราสามารถช่วยเขาได้ทันที สิ่งที่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ คือ 'ความเร็ว' เราต้องเร็วมาก อย่างเงินกู้ 300-400 ล้าน ภายในอาทิตย์เดียวเราก็ทำให้ได้ และที่สำคัญ คือ วงเงินที่ไม่จำกัด ต่างจากคู่แข่งบางรายที่ติดข้อจำกัดด้านวงเงิน"
ผู้นำคนนี้ไม่ต้องการทีมงานที่ใหญ่ ปัจจุบันเขามีทีมงาน 30-40 คน และไม่ได้คิดว่าจะต้องขยายคนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเติบโตขององค์กร แต่องค์กรของเขาสามารถเดินหน้าได้แบบง่าย ๆ และมั่นคง ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ พร้อมทั้งทำให้พนักงานเรียนรู้เทคโนโลยีไปพร้อม ๆ กัน เพราะโลกของการแข่งขันยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก คนทำงานจึงต้องพร้อมปรับตัวอยู่ตลอดเวลา รวมถึงผู้นำด้วย
"ผมชอบการเปลี่ยนแปลง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เพราะมันทำให้เขาคาดเดาผลลำบาก แต่ทุกคนต้องปรับตัวไปกับองค์กรให้ได้ คนที่อยู่ต้องพร้อมเรียนรู้ ปรับตัวให้การทำงานดีขึ้น เพื่อให้องค์กรดีขึ้น โดยทุกคนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย เราจึงจะสมาร์ทคัมปะนีได้"
ผู้นำคนนี้ บอกเลยว่า เขาไม่ได้เก่งเทคโนโลยี แต่เขาเป็นคนที่พร้อมเรียนรู้ ความเชื่อของเขา คือ การให้ความสำคัญกับการทำงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม ซึ่งสุดท้ายผลที่ได้ คือ คนทำงานที่ยังมีคุณภาพชีวิตที่ดี และองค์กรสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง ... เป้าหมายของเรา คือ ผลประกอบการที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดี
จากแนวทางการบริหารในรูปแบบของ เอ็มบีเค การันตี ทำให้ผู้บริหารคนนี้สามารถสร้างผลกำไรในปีที่ผ่านมาได้ถึง 300-400 ล้านบาท จากจำนวนพนักงาน 30-40 คน เพราะฉะนั้นหากคิดเป็นกำไรต่อหัว มีมากถึง 10 ล้านบาทต่อหัวเลยทีเดียว และเขาตั้งเป้าที่จะทำให้พอร์ตสินเชื่อขยายมูลค่าจาก 7,000 ล้านบาทในปัจจุบัน ขยับขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท ภายใน 2-3 ปี
……………….
เซกชัน : ซีอีโอโฟกัส โดย นสพ.ฐานเศรษฐกิจ
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,396 วันที่ 30 ส.ค. ถึง 1 ก.ย. 2561 หน้า 25
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● MBK ฟัน 1.1 พันล. ขาย รร.รอยัลออคิด
● ซีอีโอ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ย้ำหุ้น MBKET ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
