ครม.เคาะ97,000 ล้านงบกระทรวงอุดมศึกษา
นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.กระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. … ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาตรวจสอบร่วมไปกับ ร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … เพื่อตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งครม.มีมติอนุมัติไปเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2561
การตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเป็นกระทรวงใหม่ในครั้งนี้ นอกจากอาศัย ร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … แล้ว ยังมี ร่าง พ.ร.บ.อีก 2 ฉบับ คือ 1. ร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ. … ซึ่งจะกำกับการอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัยทั้งหมด และ 2.ร่าง พ.ร.บ.การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. … ซึ่งขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า สาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ. … คือ กำหนดแนวทางการจัดการอุดมศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดตั้งกระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคู่กับการพัฒนาคนที่มีคุณภาพ จึงต้องมีการเชื่อมโยงกระทรวงอุดมศึกษาฯกับเป้าหมายของประเทศ โดยจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างของการอุดมศึกษาให้มีความเป็นเอกภาพ
ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยจำนวนมาก และมีการบริหารจัดการหลายรูปแบบ อีกทั้งต้องการยกระดับให้สถาบันอุดมศึกษามีมาตรฐานที่สามารถแข่งขันได้ และสามารถยกระดับรายได้ของประเทศให้เพิ่มขึ้น หลุดพ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลาง ทั้งนี้ จะให้สถาบันอุดมศึกษามีเสรีภาพทางวิชาการ มีอิสระในการบริหารจัดการที่ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ มีธรรมาภิบาล มีการบริการทางวิชาการแก่สังคม และส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเป็นจุดเน้นที่สำคัญที่สุดที่พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการอุดมศึกษาในอดีตไม่เคยระบุถึง
ขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม อยู่ในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งปกติจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 3-4 เดือน แต่เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. มีนโยบายที่ต้องการเร่งรัดให้เกิดกระทรวงนี้ก่อนการเลือกตั้งในปี 2562 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงานของคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษเพื่อดูแลทั้ง 3 พระราชบัญญัติสำหรับการจัดตั้งกระทรวงใหม่โดยเฉพาะ โดยให้กรอบเวลาว่าต้องแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ แล้วนำกลับมาให้ครม.ให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ในเดือนหน้า
"เท่ากับว่า สนช. เหลือเวลาตั้งแต่เดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2561 เพราะตามมารยาทแล้ว สนช.จะไม่พิจารณา พ.ร.บ.ฉบับสำคัญในช่วงใกล้เลือกตั้ง และหากสนช.ทำงานแล้วเสร็จเชื่อว่าจะมีเวลาเพียงพอสำหรับการโยกย้ายบุคลากร รวมถึงปรับโครงสร้างและกระบวนการภายในกระทรวงใหม่ ทำให้พร้อมทำงานภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ทั้งนี้ งบประมาณของกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรมในปี 2562 จะไม่แตกต่างจากงบประมาณที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เคยได้รับมากนัก คือได้รับงบประมาณ 97,000 ล้านบาท”รมช.ศึกษาธิการ กล่าว