มาสด้าแง้มแผนรถยนต์ไฟฟ้า กางแผนครึ่งปีหลังเปิดตัวรถอเนกประสงค์ ซีเอ็กซ์-3 โมเดล 2018

14 ก.ค. 2561 | 09:29 น.
 

Mazda-3 มาสด้าเผยความคืบหน้าโครงการรถยนต์ไฟฟ้า ยืนยันพร้อมลุย ขณะเดียวกันได้ประกาศแผนงานครึ่งปีหลัง ด้วยการเปิดตัวรถอเนกประสงค์ ซีเอ็กซ์-3 โมเดล 2018 และปรับเป้าหมายการขายเป็น 6.5 หมื่นคัน หลังครึ่งปีแรกยอดขายเติบโตสร้างสถิติใหม่

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการยื่นขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอว่าได้มีการพูดคุยกับภาครัฐแล้ว และกำลังเตรียมข้อมูลเพื่อนำเสนอกับบีโอไอ  ซึ่งเบื้องต้นเม็ดเงินลงทุนยังคงเป็นไปตามที่ประกาศไว้คือ 1.1 หมื่นล้านบาท

“เรามีการพูดคุยกับภาครัฐฯแล้ว และทุกอย่างก็เป็นไปตามลำดับขั้นตอน ส่วนรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิต หรือชิ้นส่วนต่างๆที่เป็นพาร์ตเนอร์หรือเป็นซัพพลายเออร์ของเราก็ต้องมีการพูดคุยร่วมกัน เพราะบางอย่างเราไม่ได้ผลิตเอง ยกตัวอย่างแบตเตอรี่ อย่างไรก็ตามเรายืนยันว่ารถยนต์ที่เรามีความสนใจคือไมลด์ไฮบริดก่อน ส่วนปลั๊ก-อิน ไฮบริด ก็เป็นอีกหนึ่งในโครงการ ขณะที่รถอีวีนั้น มีการทำในยุโรป แต่ในไทยยังไม่มีแผน”

ขณะที่แผนงานด้านอื่นๆ ในครึ่งปีหลัง มาสด้า เตรียมเปิดตัว New Mazda CX-3 Model Year 2018 ในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้  หลังจากนั้นจะจัดกิจกรรมทดสอบ  Mazda Passion Drive to the New Horizon “เปิดประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับมาสด้า” บนระยะทางกว่า 6,000 กิโลเมตร และไตรมาสที่ 4 จะจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านดีไซน์การออกแบบรถของมาสด้า ในงาน Mazda Asean Design forum 2018

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า มาสด้าได้ปรับเป้าหมายยอดขายของปี 2561 จากเดิมที่ประกาศไว้ 6 หมื่นคัน ก็เพิ่มเป็น 6.5 หมื่นคัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 6.5% ขณะที่ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของมาสด้านั้นสามารถทำสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ ด้วยยอด 33,593 คัน เติบโต 41 % โดยแบ่งสัดส่วนการขายออกเป็น
มาสด้า 2 จำนวน 21,741 คัน, มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จำนวน 4,399 คัน, มาสด้า บีที-50 โปร จำนวน 3,254 คัน, มาสด้า 3 จำนวน 2,621 คัน, มาสด้า ซีเอ็กซ์ 3 จำนวน 1,562 คัน และมาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 จำนวน 16 คัน

ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย จากเดิมที่ประเมินไว้ 9.2 แสนคัน ก็คาดว่าจะทำได้กว่า 1 ล้านคัน

“ยอดขายรถรวม 6 เดือนแรกของปี 2561 ทำได้กว่า 4.9 แสนคัน และตามปกติในครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงฤดูกาลขาย ทำให้เราต้องมีการปรับเป้าหมายใหม่ ทั้งในแง่ของตลาดรวมและของเราเอง โดยปัจจัยที่มีส่วนสนับสนุนให้ยอดขายรถเติบโตก็ประกอบไปด้วย จีดีพี ในช่วงไตรมาสแรกที่อยู่ในระดับ 4.5%, การเลือกตั้งในปีหน้า ที่มีผลทำให้เกิดความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งจากต่างประเทศและในประเทศรวมไปถึงมีผลต่อเสถียรภาพ นอกจากนั้นแล้วโครงการอีอีซี และภาพรวมด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยว, ยานยนต์, ปิโตรเคมี,เกษตร   ล้วนเติบโต”

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,382 วันที่ 12 - 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2561