บี.กริมฯขายหุ้นกู้ 6.7พันล้านลดภาระต้นทุนการเงินสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจ

10 ก.ค. 2561 | 11:30 น.
บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ฉลองความสำเร็จขายหุ้นกู้ 6,700 ล้านบาท เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงิน สร้างความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจ นักลงทุนสถาบัน-รายใหญ่ เชื่อมั่นให้การตอบรับเป็นอย่างดี

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘BGRIM’ ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ ร่วมฉลองความสำเร็จการออกหุ้นกู้ ของบริษัทย่อย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 จำกัด และ บริษัท บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 จำกัด รวมมูลค่า 6,700 ล้านบาท โดยมีตัวแทนจาก 2 บริษัทผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้นกู้คือ นายสมสกุล วินิชบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ Client Coverage 2.1 Corporate Banking 2 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เข้าร่วมในงานนี้ ณ ห้องประชุมใหญ่ อาคาร ดร.เกฮารด์ ลิงค์ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้
brim นางปรียนาถ เผยว่า หลังจาก BGRIM ได้มีมติให้ บจก. บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 และ บจก.บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ BGRIM เสนอขายหุ้นกู้ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ทยอยชำระคืนเงินต้น และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าบริษัทละ 3,350 ล้านบาท รวมกันไม่เกิน 6,700 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด มีอายุ 15 ปี ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ตลอดอายุของหุ้นกู้ มีอัตราจ่ายดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.95 ต่อปี ไปเมื่อช่วงปลายเดือน พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา

โดยได้แต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนฯ ด้วยชื่อเสียงและประสบการณ์ ตลอดจนผลประกอบการที่มั่นคงและเติบโตของ BGRIM ในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
bgrim2 โดยการจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้ เป็นการนำเงินที่ได้ไปรีไฟแนนซ์ เพื่อลดต้นทุนทางการเงินได้ประมาณ 1.2%-1.6% หรือเทียบเท่า 350 ล้านบาท ซึ่งจะสนับสนุนธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต โดยโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง ตั้งอยู่ ณ สวนอุตสาหกรรม บางกะดี จังหวัดปทุมธานี เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม โดยแต่ละโรงมีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 115 เมกะวัตต์ หรือรวมกันประมาณ 230 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำของแต่ละโรง 20.0 ตันต่อชั่วโมง ทั้งนี้กำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้แต่ละโรงนี้ จะทำการจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 90 เมกะวัตต์ต่อหนึ่งสัญญาต่อหนึ่งบริษัทฯ

ซึ่งมีการจัดทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ.และบริษัทฯ เป็นระยะเวลา 25 ปี นอกจากนี้ กำลังผลิตไฟฟ้าส่วนที่เหลือจากการจำหน่ายให้กับ กฟผ. จะถูกนำไปจำหน่ายให้กับโรงงานต่างๆ ที่ตั้งอยู่ภายในเขตสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าอุตสาหกรรมจำนวนกว่า 7 รายรวมกัน 8 สัญญาซื้อขายไฟ อยู่ในภาคอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้มีโรงไฟฟ้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้า ที่มีความมั่นคงและประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมอีกด้วย

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

ด้านนายสมสกุล วินิชบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ Client Coverage 2.1 Corporate Banking 2 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า ธนาคารฯ มีความยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่ม บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ให้กับกลุ่มบริษัทอีกครั้งหนึ่ง และได้มีส่วนช่วยให้กลุ่มบริษัทประสบความสำเร็จในการระดมทุนในครั้งนี้ เนื่องจากนักลงทุนเป้าหมายมีความเชื่อมั่นในฐานะการเงินที่มั่นคง และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ BGRIM รวมถึงความสามารถในการบริหารงาน รวมถึงความเชี่ยวชาญด้วยประสบการณ์ยาวนานในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของเมืองไทย จนทำให้เมื่อเปิดให้จองหุ้นกู้ ก็ได้รับการตอบรับอย่างเป็นที่น่าพอใจ

พร้อมกันนี้ นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทาง บล. ภัทร มีโอกาสได้ให้บริการแก่ บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ มาโดยตลอด ตั้งแต่การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และได้ติดตามความเติบโตและความสำเร็จของ บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ เรื่อยมา และในครั้งนี้ บล. ภัทร มีความภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จอีกครั้งในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ของ บจก. บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 และ บจก. บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ดำเนินกิจการอยู่แล้วทั้ง 2 โรง และมีความมั่นคงทั้งด้านการดำเนินงาน ตลอดจนรายได้ที่มั่นคงและมีการเติบโตสม่ำเสมอ นับเป็นการเพิ่มสินค้าที่มีคุณภาพในตลาดทุนและเพิ่มทางเลือกที่น่าสนใจให้กับนักลงทุน

e-book-1-503x62-7