บีซีพีจี เดินหน้าลงทุนโซลาร์ฟาร์ม 100-200 เมกะวัตต์ ในนิคมฯสมาร์ท พาร์ค คาดศึกษาร่วมกับกนอ.ได้ความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้ คาดใช้เงินไม่ตํ่ากว่า 3 พันล้านบาท
การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม Smart Park ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ซึ่งถูกประกาศเป็นพื้นที่เขตส่งเสริมพิเศษบนเนื้อที่ 1,466 ไร่ รองรับการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมด้านดิจิตอลอย่างสมบูรณ์แบบ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีอันทันสมัยโดยมุ่งเน้นบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจเพื่อให้เกิดการร่วมผลิตและสร้างสรรค์นวัตกรรม ระบบฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบดิจิตอลในเชิงพาณิชย์ให้กระจายไปถึงทุกภาคส่วน โดยขณะนี้อยู่ขั้นตอนออกแบบโครงการ มีแผนจะพัฒนาให้แล้วเสร็จเปิดดำเนินการในปี 2563 ใช้เงินลงทุนราว 2 พันล้านบาท
โดยที่ผ่านๆมาทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) ได้ลงนามความร่วมมือกับเอกชน 6 ราย ที่จะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว 1 ในนั้นเป็นบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ที่จะพัฒนาโครงการบริหารจัดการความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าจากเทคโนโลยีพลังงานสะอาด การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นวัตกรรมพลังงานอัจฉริยะผ่านระบบ Single Platform ด้วยเทคโนโลยี Block Chain ที่ทันสมัย
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ
“ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความคืบหน้าการเข้าไปลงทุนในนิคมฯ Smart Park ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาร่วมกับกนอ. ในการพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะแบบครบวงจร หรือสมาร์ทกริด (Smart Grid) ซึ่งจะมีการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) และโซลาร์ฟาร์มลอยนํ้า เบื้องต้นคาดว่ากำลังการผลิตจะอยู่ที่ 100-200 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมีความชัดเจนความร่วมมือดังกล่าวและเงินลงทุนภายในสิ้นปีนี้
“การศึกษาลงทุนโซลาร์ฟาร์มในนิคมอุตสาหกรรม Smart Park จะต้องดูว่ากลุ่มลูกค้ามีใครบ้าง ความต้องการใช้ไฟฟ้าเท่าไรจะมาสรุปว่าจะต้องลงทุนอย่างไรต่อไป ซึ่งบริษัทยังเชื่อว่าโซลาร์ฟาร์มมีต้นทุนตํ่าสุดเมื่อเทียบกับการผลิตไฟฟ้าแบบอื่น”
……………….……………….……………….
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,382 วันที่ 12-14 ก.ค. 2561