ยุคใหม่สปอร์ตคาร์พลังไฟฟ้าปอร์เช่ ไทคานน์

15 มิ.ย. 2561 | 07:31 น.
ปอร์เช่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังจากเยอรมนี ประกาศทำตลาดรถพลังไฟฟ้า“อีวี”ในปีหน้า 2562 ด้วยการนำต้นแบบรุ่น “มิชชั่น อี” (Mission E) ที่เผยโฉมตั้งแต่ปี 2558 มาพัฒนาขึ้นสายการผลิตจริงพร้อมใช้ชื่อว่า “ไทคานน์” (Taycan)

PCNA18_0754_fine

ก่อนหน้านี้ หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้วปอร์เช่เคยเปิดตัวซูเปอร์คาร์ขุมพลังไฮบริดรุ่น “918 สไปเดอร์” ที่ผลิตจำกัดเพียง 918 คัน ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้หากนำเข้ามาทำตลาดในไทยและเสียภาษีถูกต้อง ราคาขายน่าจะถึง 100 ล้านบาท

แต่นั่นเป็นเพียงซูเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นพิเศษที่ทำออกมายั่วเศรษฐีเท้าหนัก และโชว์เทคโนโลยีที่ถ่ายทอดมาจากตัวแข่งสนามเลอมังต์ 24 ชั่วโมง แต่สำหรับ “ไทคานน์” จะเป็นรถพลังไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์ล้วนๆ มุ่งหวังการขับขี่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งคู่แข่ง ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้น “เทสลา” จากอเมริกา

PCNA18_0755_fine

โดย “ไทคานน์” ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) 2 ตัวช่วยกันขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 ให้กำลังสูงสุด 600 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตํ่ากว่า 3.5 วินาที และ 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 12 วินาที ส่วนการชาร์จไฟเต็มที่ 1 ครั้ง รถสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานของ NEDC) พร้อมโหมดซูเปอร์ควิกชาร์จใช้เวลา 15 นาที ก็ได้ประจุไฟเก็บไว้ในแบตเตอรี่ถึง 80%

“ที่ผ่านมา มิชชั่น อี ถูกใช้เป็นชื่อเรียกรถพลังไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของปอร์เช่ และนับจากนี้ไปจะถูกเรียกใหม่ในนาม ไทคานน์ ซึ่งมีความหมายในเบื้องต้นว่า “อาชาหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยความคึกคะนอง” สะท้อนให้เห็นภาพของม้าศึกที่เป็นตราสัญลักษณ์ของปอร์เช่ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นมายาวนานนับตั้งแต่ปี 1952 ขณะเดียวกันรถสปอร์ตพลังไฟฟ้ารุ่นนี้ยังมาพร้อมพละกำลังและอรรถประโยชน์ สามารถขับขี่ทางไกลได้” โอลิเวอร์ บลูม ประธานกรรมการบริหาร ปอร์เช่ เอจี กล่าวและว่า

Porsche-Mission_E_Concept-2015-1600-0f Porsche-Mission_E_Concept-2015-1600-0d

นอกจากชื่อของรถสปอร์ตดังกล่าวที่เป็นตัวแทนของการเริ่มต้นยุคแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าแล้ว ชื่อนี้ยังมีนัยสำคัญถึงการประกาศวาระแห่งการเฉลิมฉลองในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม 70 years of Sport cars อีกด้วย

ทั้งนี้ ตามแผนงานที่ปอร์เช่เคยประกาศเกี่ยวกับการปฏิวัติเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า หรือกลยุทธ์การพัฒนาปี 2022  ด้วยการทุ่มเงินก้อนใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์กว่า 6,000 ล้านยูโร (ประมาณ 2.3 แสนล้านบาท) ซึ่งส่วนหนึ่งราว 500 ล้านยูโรจะถูกนำไปใช้สำหรับโครงการพัฒนาปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan)รวมถึงรุ่นอื่นๆภายใต้อนุกรมเดียวกัน และประมาณ 1,000 ล้านยูโรจะถูกใช้เป็นงบประมาณในการเสริมศักยภาพด้านระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและระบบไฮบริดในรถยนต์รุ่นปัจจุบัน อีก 700 ล้านยูโรจะถูกใช้เพื่อการค้นคว้านวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในส่วนของระบบชาร์จพลังงานรวมไปถึงระบบยานยนต์อัจฉริยะ

นอกจากนี้ ปอร์เช่ยังเตรียมศูนย์บริการสีและตัวถังแห่งใหม่ในสำนักงานใหญ่ที่ Zuffenhausen เมืองสตุ๊ตการ์ต ประเทศเยอรมนี พร้อมปรับปรุงโรงงานผลิตเครื่องยนต์ในปัจจุบัน ให้สามารถรองรับกำลังการผลิตของระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการปรับปรุงโรงงานผลิตตัวถัง

สำหรับประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ พร้อมขานรับนโยบายระดับโลกของบริษัทแม่อย่างเต็มที่ ซึ่งในปัจจุบันรถในกลุ่มปลั๊ก-อินไฮบริด ได้การตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี เพียงแต่ราคาขายสปอร์ตคาร์พลังไฟฟ้ารุ่นนี้ น่าจะพุ่งสูงตามพละกำลังระดับ 600 แรงม้า เท่านั้นเอง

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,375 วันที่ 17 - 20 มิถุนายน 2561