ทันโลก ทันเศรษฐกิจ | 'ทองคำ' ยังจับต้องได้

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำที่ตลาดโคเม็กซ์ของสหรัฐอเมริกา ยังบวกได้อยู่ที่ 0.52% ขณะที่ ในรอบ 1 ปี ก็ยังบวกได้อยู่ที่ 5.80% ถือว่ามาแบบเรื่อย ๆ แต่ที่หวือหวาหน่อยก็เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (ช่วงวันที่ 26-31 มี.ค. 2561) ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดในรอบเดือน และเทรดกันอยู่ที่ประมาณ 1,347 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

ทำไมผมต้องจับตาสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง 'ทองคำ' ด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่า ล่าสุดธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐฯ ออกมาคาดการณ์เอาไว้น่าสนใจครับ เขามองว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้ให้จับตาราคาทองคำให้ดี เพราะอะไร?




นำ้หนักที่โกลด์แมน แซคส์ มองเอาไว้ ก็คือ ผลกระทบจากทิศทางแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ นั้น จะดันให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น อันมีผลสืบเนื่องมาอีกต่อหนึ่งจากภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

แน่นอนว่า เงินเฟ้อและราคาทองคำนั้น มีความสัมพันธ์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น นักลงทุนก็จะหันไปถือทองคำกันแทนนั่นเอง โดยดัชนีบ่งชี้สำคัญ ก็คือ การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยในปีนี้ แม้ว่า เบสไลน์จะอยู่ที่ 3 ครั้ง เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ดอกเบี้ยขึ้นไปอยู่ที่ 1.50-1.75%




แต่กระนั้น นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยก็มองว่า ยังมีโอกาสที่ในปีนี้จะขึ้นถึง 4 ครั้ง เพราะฉะนั้น ปัจจัยนี้สามารถกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำได้ทุกเมื่อครับ

ประการต่อมา ก็คือ ความไม่แน่ไม่นอนของราคาหุ้นในสหรัฐฯ เอง ที่แม้ขณะนี้เริ่มกลับมารีบาวด์ได้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมานี้ หุ้นสหรัฐฯ เกิดการปรับฐานกันครั้งละมาก ๆ บางสัปดาห์ลงกัน รวมแล้วกว่าพันจุด บางสัปดาห์ปรับขึ้นกันหลายร้อยจุด สิ่งเหล่านี้ คือ ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ




ความไม่แน่นอนนี้เอง ที่ทำให้นักลงทุนน่าจะหันไปมองสินทรัพย์ที่แน่นอนมากขึ้นกว่าเดิม นั่นก็คือ 'ทองคำ' สิ่งเหล่านี้ คือ สิ่งที่โกลด์แมน แซคส์ มองเอาไว้

ส่วนประการสุดท้าย อันนี้ผมมองไว้เองว่า ในระยะที่ผ่านมา ความสนใจของนักลงทุนนั้น ถูกปลุกกระแสให้หันไปหาการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในบิตคอยน์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงของราคาอย่างหวือหวา




และนอกจากนั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ยังถูกมองว่าเป็น 'เทรนด์' ของการลงทุนยุคใหม่ ที่มีนักลงทุนไม่ควรพลาดและไม่ควรตกขบวน

แต่ทว่าจากความเคลื่อนไหวของภาครัฐในหลาย ๆ ประเทศ ทั้งเกาหลีใต้ สหรัฐฯ ยุโรป หรือแม้กระทั่งไทย ดูเหมือนว่า กำลังเป็นปฏิปักษ์กับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การเข้าไปควบคุมที่กำหนดให้ผู้ลงทุนต้องใช้ชื่อจริง นามสกุลจริง ในการลงทุนสินทรัพย์เหล่านี้ ซึ่งถือว่าผิดจากวัตถุประสงค์ของการสร้างบล็อคเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้




หลายประเทศยังมีการออกกฎเพื่อรีดภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น ยุโรปหรือประเทศไทยเอง ขณะที่ ล่าสุดนั้น ประเทศอิสราเอลก็ได้ประกาศว่า สินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ ไม่ถือว่าเป็น 'สินทรัพย์'

ความเคลื่อนไหวในด้านลบเหล่านี้เอง ที่ทำให้ราคาบิตคอยน์ที่พุ่งไปเกือบ 2 หมื่นดอลลาร์ เมื่อช่วงไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว ร่วงลงมาแตะอยู่แถว ๆ 7 พันดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะนี้ เรียกได้ว่า อุปสรรคต่อการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มเข้มข้นมากขึ้น




ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจครับ ที่การลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าแบบเดิม ๆ อย่าง 'ทองคำ' นั้น จะกลับมามีบทบาทอีกครั้ง อย่างน้อยทองคำก็เป็นสินทรัพย์ที่แน่นอนและจับต้องได้ครับ


……………….
คอลัมน์ : ทันโลก ทันเศรษฐกิจ โดย ธนพล ไชยภาษี ([email protected])

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,354 วันที่ 5-7 เม.ย. 2561 หน้า 10

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● วิเคราะห์สถานการณ์ราคาทองคำประจำวัน(9 พ.ค.61)
● ทองคำในประเทศเช้านี้ (9 พ.ค. 61) ราคาเพิ่มขึ้น 50 บาท