สนพ. ชง กบง. เคาะโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ 20 เม.ย. นี้ ตัดค่าพรีเมียมสูตรน้ำมันดีเซล 2.40 เม.ย. นี้ ตัดค่าพรีเมียมสูตรน้ำมันดีเซล 2.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทิ้ง ส่งผลดีต่อผู้บริโภคใช้น้ำมันถูกลง โรงกลั่นน้ำมันรอลุ้น ยัน! ไม่กระทบต้นทุนเหตุธุรกิจน้ำมันเปิดเสรี
คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน สั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ศึกษาข้อมูลการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงหน้าโรงกลั่นน้ำมันและราคาขายปลีก เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งจะการพิจารณาในที่ประชุม กบง. อีกครั้ง ในวันที่ 20 เม.ย. นี้
[caption id="attachment_274610" align="aligncenter" width="312"]
ศิริ จิระพงษ์พันธ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน[/caption]
รื้อสูตรคำนวณราคาน้ำมัน
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สนพ. จะเสนอ กบง. พิจารณาปรับโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นและค่าการตลาดน้ำมันในวันที่ 20 เม.ย. นี้ เป็นสูตรภายในของ สนพ. และเป็นรายการคำนวณเพื่อติดตามภาวะการแข่งขันในตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงการติดตามค่าการตลาด ซึ่งมีหลายรูปแบบเป็นสูตรในการคำนวณ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเห็นว่า การปรับโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นฯ และราคาขายปลีกครั้งนี้เป็นการทบทวนสูตรการคำนวณโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ หลังจากที่ใช้มานาน เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ เช่น มาตรฐานคุณภาพของน้ำมัน เทคโนโลยี และต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการยกเลิกค่าพรีเมียมในการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลจากที่ใช้อ้างอิงมาตรฐานยูโร 3 มาเป็นยูโร 4 ที่ปัจจุบันไม่มีความจำเป็น เนื่องจากตลาดสิงคโปร์มีการใช้อย่างแพร่หลายแล้ว
ผู้บริโภคได้อานิสงส์
ดังนั้น เชื่อว่าการตัดค่าใช้จ่ายการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันออกไปประมาณ 2.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จะช่วยให้ลดต้นทุนและส่งต่อราคาหน้าโรงกลั่นลดลงได้ และส่งผลมายังราคาขายปลีกปรับตัวลงได้จากที่เป็นอยู่ ยกตัวอย่าง ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปัจจุบันอยู่ที่ 27.29 บาทต่อลิตร
เมื่อตัดค่าพรีเมียมออกไปจะทำให้ราคาขายปลีกลงมาอยู่ที่ 26.69-26.79 บาทต่อลิตร หรือ ลิตรละ 50-60 สตางค์
“ที่ผ่านมา ราคาหน้าโรงกลั่นของน้ำมันดีเซลต้องอิงกับมาตรฐานยูโร 3 ที่สิงคโปร์ ที่ขณะนั้น ผลิตออกมาน้อย เมื่อนำมาใช้กับประเทศต้องมีการปรับคุณภาพ ทำให้บวกค่าใช้จ่ายส่วนนี้เกิดขึ้นมา แต่ปัจจุบัน มีการใช้มาตรฐานยูโร 4 แพร่หลายแล้ว ค่าพรีเมียมในส่วนนี้จึงไม่จำเป็นอีกต่อไป”
นอกจากนี้ ทาง กบง. จะไปพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันที่เป็นค่าพรีเมียมประเภทอื่น ๆ อีก เช่น ค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ค่าน้ำมันสูญหาย ค่าระวางเรือ เป็นต้น ว่า มีความเหมาะสม หรือ มีความจำเป็นต้องนำมาคำนวณในสูตรโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นของชนิดน้ำมันอื่น ๆ ด้วยหรือไม่ ในการประชุมวันที่ 20 เม.ย. นี้
โรงกลั่นจ่อแบกรับภาระ
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน โครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นได้บวกค่าพรีเมียม ได้แก่ ค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร 4 ที่ภาครัฐกำหนด ค่าขนส่ง ค่าประกันภัยด้วย คิดเป็นมูลค่า 5-10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หากรัฐบาลตัดค่าพรีเมียมดังกล่าวออกไป จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันให้ต้องแบกรับภาระต้นทุนการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันและการขนส่งน้ำมัน ขณะที่ การปรับค่าการตลาดน้ำมันก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ค้าน้ำมัน ซึ่งปัจจุบัน มีค่าการตลาดอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานจะปรับโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ หากถามว่าจะส่งผลกระทบต่อโรงกลั่นหรือไม่นั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อโรงกลั่น เนื่องจากสูตรดังกล่าว กระทรวงพลังงานทำขึ้นเพื่อใช้เป็นราคาอ้างอิงเท่านั้น ขณะที่ โรงกลั่นสามารถใช้ราคาที่สะท้อนสภาพตลาด ณ วันที่ขาย ไม่ต้องใช้ราคาอ้างอิงดังกล่าว เนื่องจากไทยยึดการค้าเสรีเป็นหลักอยู่แล้ว และราคาประกาศก็เป็นราคาที่ใช้อ้างอิง ไม่ใช่ราคาควบคุม ดังนั้น ในการเจรจาซื้อ-ขาย ก็ต้องเจรจาตามสภาวะตลาด
โดยปัจจุบัน ค่าพรีเมียมตามหลักมีค่าปรับปรุงคุณภาพ ค่าขนส่ง ค่าสูญหาย เป็นต้น แต่หลักการต้องดูสภาพตลาด เนื่องจากตลาดน้ำมันเป็นการค้าเสรี อาทิ โรงกลั่นเจรจาซื้อ-ขายน้ำมัน ก็เจรจาตามสภาพตลาดตอนปกติอยู่แล้ว ซึ่งจะมีค่าพรีเมียมหรือมีส่วนลดก็ขึ้นอยู่กับสภาพตลาด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังไม่ทราบว่าจะประกาศออกมาอย่างไร เพราะต้องรอมติ กบง. ในวันที่ 20 เม.ย. นี้
ร้องขอค่าการตลาดเพิ่ม
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับสูตรราคาหน้าโรงกลั่นเพื่อใช้เป็นข้อมูลคำนวณค่าการตลาดที่เหมาะสม หากรัฐฯ จะทำให้ราคาหน้าโรงกลั่นลดลง ก็ควรทำให้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกันด้วย เนื่องจากค่าการตลาดที่ใช้อยู่ปัจจุบันที่ 1.50 บาทต่อหน่วย ใช้มานาน 10-20 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับสูตรราคาดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้การซื้อ-ขายน้ำมันหน้าโรงกลั่นไม่ได้ใช้สูตรอ้างอิงของรัฐฯ แต่ใช้ราคากลางตลาดสิงคโปร์บวกค่าพรีเมียมขึ้นอยู่กับประเภทของลูกค้า และปริมาณการซื้อ-ขาย เนื่องจากตลาดน้ำมันเป็นการค้าเสรี
นายมนูญ ศิริวรรณ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน กล่าวว่า การปรับสูตรโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นฯ จะทำให้สูตรราคาซื้อ-ขายน้ำมันใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น หากตัดค่าปรับปรุงคุณภาพออกไปโรงกลั่นจะไม่มีส่วนนี้มาคำนวณ และส่งผ่านไปยังราคาขายปลีกลดลงได้ 50-60 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่ ในส่วนของโรงกลั่นน้ำมันฯ เมื่อหักค่าพรีเมียมออกไป อาจได้รับผลกระทบเล็กน้อย แต่เนื่องจากประเทศไทยเปิดเสรีธุรกิจน้ำมัน ทางโรงกลั่นฯ ยังสามารถตั้งราคาตามต้นทุนที่แท้จริงได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ราคาอ้างอิงของภาครัฐ
“การปรับโครงสร้างราคาน้ำมันดังกล่าว กระทรวงพลังงานเอามาใช้ในการตรวจสอบค่าการกลั่นค่าการตลาด ไม่ได้นำมาใช้เพื่อควบคุมโรงกลั่นฯ ดังนั้น หากโรงกลั่นฯ มีต้นทุนสูงก็สามารถตั้งราคาตามต้นทุนจริงได้ ซึ่งทั้งกระบวนการไม่มีใครบังคับบริษัทน้ำมันได้ เพราะเป็นการแข่งขันโดยเสรี ส่วนการศึกษาทบทวนค่าการตลาดน้ำมันที่เหมาะสมใหม่ จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต้นทุนธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนตัวเห็นว่าควรอยู่ที่ระดับ 1.70-1.80 บาทต่อหน่วย” นายมนูญ กล่าว
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,355 วันที่ 8-11 เม.ย. 2561 หน้า 02
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
‘TOP’ตุนเงินสด รอขยายโรงกลั่น
●
บล.โกลเบล็ก แนะสะสมหุ้นโรงกลั่น-เดินเรือ-ค้าปลีก