ไทยพาณิชย์ ชูบล็อกเชน โอนเงินยูโร

21 มี.ค. 2561 | 08:57 น.
“ไทยพาณิชย์”เตรียมโอนเงินข้ามประเทศสกุลเงินยูโร ผ่านบล็อกเชนร่วมกับ Ripple หลังธุรกรรมโอนเงินญี่ปุ่นมาไทยผ่าน SBI Remit ฉลุย เติบโตต่อเดือนพุ่ง ยํ้าอำนวยความสะดวก ลดต้นทุนลูกค้า

นายอารักษ์ สุธีวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส Cheif Strategy Officer ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายในไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ธนาคารจะขยายขอบเขตการโอนเงินข้ามประเทศผ่านระบบเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ในสกุลยูโร ร่วมกับ Ripple ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ 2 หลังจากทำเงินเยนไปแล้ว เพราะยูโร เป็นสกุลเงินที่มีธุรกรรมค่อนข้างหาแน่น แต่ในระยะแรกๆ อาจจะไม่เห็นปริมาณการโอนเงินสกุลยูโรหนาแน่นมากนักเมื่อเทียบกับภาพรวมธุรกรรมยูโรที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะต้องหาพันธมิตรที่อยู่ในประเทศนั้นๆด้วย แต่เริ่มต้นจะขยายความร่วมมือเพียงแค่ประเทศเดียวก่อน

ทั้งนี้ การขยายธุรกรรมการโอนเงินข้ามประเทศด้วยสกุลเงินยูโรนั้น ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรในการทำธุรกรรมโอนเงินข้ามประเทศผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ร่วมกับบริษัท Ripple และ SBI Remit จากประเทศญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ ที่ประสบความสำเร็จ และยกระดับการให้บริการรับโอนเงินข้ามประเทศแบบเรียลไทม์สำหรับลูกค้ารายย่อยเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณธุรกรรมเติบโตต่อเดือนค่อนข้างสูง เน้นเจาะกลุ่มคนไทยที่ไปทำงานประเทศญี่ปุ่นและส่งเงินกลับบ้าน

แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์ อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณธุรกรรมโอนเงินจากญี่ปุ่นมาไทยเติบโตขึ้น แต่ขนาดยังน้อยอยู่หากจะทำเป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์ ที่จะต้องมีสัดส่วน 20-30% ของธุรกรรมที่สร้างมูลค่าทั้งหมด หรือมาแทนธุรกรรมโอนเงินส่งเงินแบบ Remittance ธนาคารจึงต้องขยายขอบเขตการทำธุรกรรมหรือคุยกับพันธมิตรประเทศอื่นๆ ในสกุลเงินอื่นด้วย เช่น เงินยูโร เงินอังกฤษ หรือดอลลาร์ แต่ยูโรน่าจะเกิดขึ้นก่อนสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งเครือข่ายของ Ripple มีเกือบ 100 สถาบันการเงินแล้ว หากต้องการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาทำธุรกรรมโอนเงินข้ามประเทศแทนแบบ Remittance จะต้องขยายธุรกรรมไปสู่การชำระเงิน โอนเงินข้ามชายแดน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ธุรกิจหลักของธนาคาร แต่ธนาคารทำเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเท่านั้น หรือเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Engagement)

“เราพยายามจะขยายไปสู่สกุลเงินอื่นเพิ่มเติม หรือในอนาคตอาจจะจับมือกับ MC พวกผู้ประกอบการอัตราแลกเปลี่ยนต่างๆขยายธุรกรรมเพราะในอนาคตจะเป็นการโอนเงินจากคนไปให้บริษัท หรือโอนจากบริษัทไปให้บริษัท หรือ B to B จากที่ตอนนี้เราทำแบบ C to C แต่การใช้บล็อกเชน จะทำให้ต้นทุนถูกกว่า และเร็วกว่าแน่นอน”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,349 วันที่ 18 - 21 มีนาคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว