จีพีเอสซี รุกขยายลงทุนโรงไฟฟ้าในอีอีซี 1 พันเมกะวัตต์ รองรับการขยายงานกลุ่มปตท.โดยเฉพาะ พร้อมก้าวสู่อุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ด้วยงบราว 1.55 พันล้านบาท จับมือกฟผ.อินเตอร์ฯ ตั้งโรงไฟฟ้าในเมียนมา
นายเติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ จีพีเอสซี เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ภายหลังจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลงนามข้อตกลงร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เพื่อศึกษาโครงการลงทุนร่วมกันในอนาคตว่า ปตท. เตรียมลงทุนโครงการคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ในเมียนมา และจะต่อยอดไปในธุรกิจโรงไฟฟ้า จึงมีความเป็นไปได้ที่จีพีเอสซี จะร่วมกับบริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในเมียนมา
[caption id="attachment_264558" align="aligncenter" width="351"]
เติมชัย บุนนาค[/caption]
นอกจากนี้ เชื่อว่าความร่วมมือกับทางกฟผ. และกฟผ.อินเตอร์ฯ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพด้านโครงการโรงไฟฟ้า จะช่วยให้จีพีเอสซีสามารถขยายกำลังการผลิตได้ตามแผน โดยบริษัทตั้งเป้าในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น เป็นระดับ 50% และในประเทศ 50% จากปัจจุบันกำลังการผลิตส่วนใหญ่ยังคงมาจากในประเทศเป็นหลัก ปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้า 1.53 พันเมกะวัตต์
ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับนิคมอุตสาหกรรม 2-3 แห่งในเมียนมา เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ป้อนให้กับลูกค้าในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม คาดว่าความต้องการไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ต่อแห่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ รวมทั้งมองหาโอกาสขยายลงทุนโรงไฟฟ้าพลังนํ้าใน สปป.ลาวเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) พันธมิตรในโครงการไซยะบุรี ได้มาชวนให้เข้าร่วมลงทุนในโครงการพลังนํ้าขนาดใหญ่แห่งใหม่ใน สปป.ลาว ที่มีกำลังผลิตราว 1.2 พันเมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
นายเติมชัย กล่าวอีกว่า การลงทุนด้านโรงไฟฟ้าตามนโยบายของนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ที่ต้องการให้การลงทุนด้านโรงไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. เป็นหน้าที่ของจีพีเอสซีทั้งหมด จากการคำนวณแผนลงทุนของกลุ่ม ปตท. ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) กว่า 1 พันเมกะวัตต์ คาดว่าคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) จะทยอยอนุมัติได้ภายในปีนี้
“กลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภคในปีนี้ จะยังมุ่งเน้นภายในประเทศที่จะรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของกลุ่มปตท.ซึ่งมีเป้าหมายลงทุนในพื้นที่มาบตาพุด ภายใต้โครงการอีอีซี คาดว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) น่าจะต้องการกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่อีก 300-400 เมกะวัตต์ และยังมีโครงการอื่นๆ ในกลุ่มปตท.อีก” นายเติมชัย กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมจะลงทุนโรงงานแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน โดยใช้เทคโนโลยี 24M ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช ชลบุรี 1 เบื้องต้นจะทำเป็นโรงงานต้นแบบขนาดกำลังผลิต 100 เมกะวัตต์ชั่วโมง มูลค่าลงทุนประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.55 พันล้านบาท ใช้เทคโนโลยีจากบริษัท 24M Technologies Inc. ของสหรัฐฯ โดยจะเริ่มผลิตแบตเตอรี่เพื่อรองรับการใช้ในระบบสายส่ง และพลังงานทดแทน ในกลุ่ม ปตท.ก่อนภายในปลายปี 2562
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,345 วันที่ 4 - 7 มีนาคม พ.ศ. 2561