หุ้นน้องใหม่ JKN เหนือจอง 12.5%

30 พ.ย. 2560 | 03:18 น.
หุ้น JKN ผู้จัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์รายใหญ่ของไทย ลงกระดาน mai วันแรกแจกกำไรนักลงทุนจองซื้อไอพีโอหุ้นละ 1 บาท หรือ 12.5% ก่อนพุ่งต่อ 18.12% ด้าน "บลจ.กรุงไทย-เอ็มเอฟซี" ชื่อติดถือหุ้นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ

หุ้นบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN ผู้จัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์รายใหญ่ของประเทศ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 30 พ.ย.2560 เป็นวันแรก เปิดตลาดที่ 9 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท หรือ 12.5% จากราคาเสนอขายนักลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) หุ้นละ 8.00 บาท และขยับแตะ 9.45 บาท เพิ่มขึ้น 1.45 บาท หรือ 18.12% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 661.86 ล้านบาท

วิทยุพลังงาน ธุรกิจของ JKN และบริษัทย่อยแบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1) ธุรกิจให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ โดยเป็นคอนเทนต์ที่ซื้อและนำเข้าจากผู้ผลิตคอนเทนต์ชั้นนำ 2) ธุรกิจให้บริการเวลาเพื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้าทางสถานีโทรทัศน์ระบบผ่านดาวเทียมช่อง JKN Dramax และสถานีโทรทัศน์ระบบดิจิทัล และ 3) ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อาทิเช่น Home Entertainment (DVD, Blu-ray) และเสื้อโครงการต่าง ๆ สำหรับคอนเทนต์ที่ JKN จำหน่าย ปัจจุบันมีมากกว่า 3,000 คอนเทนต์ โดยที่คอนเทนต์ออกอากาศในปี 2560 ที่เป็นที่รู้จัก อาทิ ซีรีย์อินเดีย : หนุมาน สงครามมหาเทพ สีดาราม ศึกรักมหาลงกา ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 นาคิน และอโศกมหาราช ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ซีรีย์เกาหลี : ลิขิตรักตะวันและจันทรา มูยุล จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน เป็นต้น

JKN มีทุนชำระแล้ว 270 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 400 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 140 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2560 ในราคาหุ้นละ 8.00 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,120 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,320 ล้านบาท มี บล. เคที ซีมิโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวจักราจุฑาธิบดิ์ ถือหุ้น 71.85% บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 3.52% และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 1.81% การกำหนดราคาเสนอขาย IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนสถาบัน (book building) ซึ่งกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 8.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 21.05 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (1 ตุลาคม 2559-30 กันยายน 2560) ซึ่งเท่ากับ 203.78 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.38 บาท อ๊ายยยขายของ-7-1