PLE โฉมใหม่ 3 ขาธุรกิจ หาพันธมิตรจีนบุกไฟฟ้า-อสังหาฯ-รับเหมาฯ

03 ก.ย. 2560 | 23:00 น.
เพาเวอร์ไลน์เร่งหาพันธมิตรไทย-ต่างประเทศ พุ่งเป้าจีนซื้อหุ้นเพิ่มทุน สร้างธุรกิจใหม่ โกยกำไรได้รวดเร็ว คาดปีหน้าเห็นผลชัดเจน เผยงานในมือร่วม 2 หมื่นล้านบาท

นายเสวก ศรีสุชาต ประธานกรรมการ บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PLE เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 ปีนี้ ได้เดินทางไปประเทศจีนบ่อยมาก ปีก่อนไปเกือบทุกเดือน เพื่อมองหาพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partner) และมองเห็นศักยภาพในการขยาย 2 ธุรกิจใหม่ ธุรกิจแรก utility คือโรงไฟฟ้าและการบริหารจัดการนํ้า เช่นการบำบัดนํ้าเสีย ส่วนธุรกิจที่ 2 คือ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ประธานกรรมการ ยกตัวอย่างธุรกิจอสังหาฯ ว่าพันธมิตรจีน มีตลาด มีลูกค้าอยู่ในมือ บริษัทซื้อคอนโดมิเนียมหรือโครงการที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยว เช่น หัวหิน พัทยา มาขายยกล็อต คนจีนต้องการซื้อเพื่อการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว (long stay) รูปแบบไม่ใช่การสร้างบ้านขายไปแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ๆ ส่วนเรื่องโรงไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ มองหาโอกาสจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ยังมีความต้องการสูงมาก ก็หาพันธมิตรที่มีสัญญาขายไฟฟ้าแล้ว ส่วนโรงไฟฟ้าขยะ มีพันธมิตรจีนที่อยู่ในวงการ มีเทคโนโลยีในการเผาขยะ ซึ่งพันธมิตรจะเข้ามาร่วมลงทุนหรือเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนด้วย

“เราหาจิ๊กซอว์ในการทำธุรกิจได้แล้ว ต่อไปไม่ได้ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเพียงอย่างเดียว เราต้องบริหารความเสี่ยงเพราะธุรกิจนี้ไม่ได้สร้างกำไรมากนัก ส่วนธุรกิจใหม่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกเยอะ ข้อดีคือมีรายได้และกำไรรวดเร็ว ซึ่งก็ไม่ได้ปิดกันว่าจะเป็นพันธมิตรไทยหรือต่างประเทศ หวังว่า ในปีหน้าจะเริ่มเห็นภาพชัดเจน เพราะการเจรจากับพันธมิตรน่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ในอนาคตรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและรับเหมาน่าจะมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน” นายเสวกกล่าว

MP17-3293-A ทางด้านเรื่องแหล่งเงินทุน นายเสวกเล่าให้ฟังว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา บริษัทเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม แต่ขายไม่หมด ได้กว่า 100 ล้านหุ้น ยังเหลืออยู่กว่า 900 ล้านหุ้น เพิ่งขายพีพีได้ส่วนหนึ่ง เหลืออีก 800 ล้านหุ้น ตอนนี้บริษัทเลือกได้ เพราะมีกำไร ต้องการเพิ่มทุนให้ Strategic Partner เมื่อได้เงินเข้ามา เพิ่มสภาพคล่อง ลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(ดี/อี) จาก 4 ต่อ 1 น่าจะลดสัดส่วนเหลือ 2 ต่อ 1 รวมถึงมีเงินในการขยายธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น บริษัทยังได้เงินทุนจากการขายทรัพย์สินจำนวน 2,100 ล้านบาท หลังขายหุ้น บริษัท บำรุงเมืองพลาซ่าฯ กับ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งหลังโอนหุ้นและทรัพย์สินเสร็จในเดือนตุลาคมนี้ บริษัทไม่ต้องบันทึกผลขาดทุนปีละ 100 ล้านบาทจากบริษัทย่อยแห่งนี้อีกแล้ว และปัจจุบันไม่มีแผนที่จะขายทรัพย์สินใดๆเพิ่มเติม

ส่วนธุรกิจรับเหมา ซึ่งงานในประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนออกมาจำนวนมาก คาดว่าจะมีงานเข้ามาอีก 2-3 ปี รวมถึงการหาพันธมิตรใหม่ เช่น งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสีต่างๆ เช่น สายสีส้มส่วนต่อขยาย หลังประสบความสำเร็จในการร่วมทุนกับพันธมิตรจีน Chaina State สัดส่วน 51 ต่อ 49% ชนะงานเฟส 2 ของสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 22 เดือน คาดรายได้ปีนี้เติบโตประมาณ 20% จากปีที่ผ่านมามีรายได้กว่า 5,000 ล้านบาท

“เรามีประวัติแล้ว ไม่อยากให้ซํ้ารอย พยายามบริหารให้ดีที่สุด ในปีหน้ามีโอกาสเติบโตมากกว่าปีนี้ เพราะไม่ต้องแบกขาดทุนของบริษัทย่อย มีธุรกิจใหม่ ปัจจุบันมีงานในมือมูลค่า 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท ไม่รวมงานสุวรรณภูมิ 7,000 ล้านบาท คาดจะได้งานเพิ่มอีก 6,000-7,000 ล้านบาท รวมแล้วจะมีอยู่ร่วม 2 หมื่นล้านบาท ส่วนราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผลงานที่ดีขึ้นและหุ้นซื้อขายที่พี/อีตํ่า” นายเสวกกล่าว

นักวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอรส์แนะนำซื้อเก็งกำไร PLE ให้ราคาพื้นฐาน 1.76-1.94 บาท จากข่าวดีที่เข้ามาต่อเนื่อง การขายหุ้นบำรุงเมือง คาดจะมีกำไรก่อนภาษี 273.8 ล้านบาท จะบันทึกในไตรมาส 4 เงินที่เข้ามา 2,100 ล้านบาท PLE มีเงินกู้ที่ครบกำหนดปีนี้ 2,388 ล้านบาท หากขายหุ้นเพิ่มทุนที่เหลืออีก 816.3 ล้านหุ้นสำเร็จจะได้เงินประมาณ 974.5 ล้านบาท บริษัทสามารถนำไปใช้ลงทุน คืนหนี้ และสภาพคล่องดีขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,293 วันที่ 3 - 6 กันยายน พ.ศ. 2560
e-book