ตราดระดมทุกฝ่าย! เเต่ค้นซากเรือล่มไม่พบ ไต๋ก๋งบอกเหตุสุดวิสัย

10 พ.ค. 2560 | 12:24 น.
วันที่ 10 พ.ค. 60 -- ความคืบหน้าเหตุเรือยอร์ชล่ม ห่างจากสะพานบ้านแหลมศอก อ.เมือง จ.ตราด เมื่อหัวค่ำวันที่ 9 พ.ค. นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (10 พ.ค.) นายอำนาจ สอนหมวก ผอ.เจ้าท่าภูมิภาคตราด นำเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบพื้นที่เรือยอร์ชล่มในทะเลบ้านแหลมศอก ต.อ่าวใหญ่ อ.เมือง จ.ตราด โดยใช้เรือประมงและเรือสปีทโบ๊ทออกลาดตระเวนตรวจสอบในบริเวณที่ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุเรือยอร์ชล่มห่างจากสะพานบ้านแหลมศอกประมาณ 3-5 กิโลเมตร โดยแล่นเรือตรวจสอบเป็นวงกว้าง

ขณะเดียวกัน ยังมีการใช้ซาวนด์เดอร์จากเรือประมงในการตรวจสอบพิกัดขงเรือล่มในรัศมี 500 เมตร ไปยังรอบ ๆ บริเวณ แต่หลังจากใช้เวลาในการค้นหาเรือลำดังกล่าวตั้งแต่ 10.00 น. จนถึงเวลา 13.00 น. จึงยุติการค้นหา เนื่องจากต้องสอบปากคำ นายฉลวง ทองเคลือบ คนขับเรือยอร์ชที่โรงพยาบาลตราด โดย ผอ.เจ้าท่าภูมิภาคตราด ระบุว่า เรือลำดังกล่าวเป็นเรือไฟเบอร์ อาจถูกกระแสคลื่นและลมพัดพาออกจากฝั่งไป แม้จะพยายามใช้เครื่องมือตรวจสอบก็ยังไม่พบ จะต้องรอวันรุ่งขึ้น เพื่อค้นหากันต่อไป

ขณะที่ นพ.เกตุวุฒิ อธิเวส รอง ผอ.โรงพยาบาลตราด และคณะตรวจเยี่ยมอาการของ นางสุรีรัตน์ จำปีเรือง ผู้บาดเจ็บจากเหตุเรือยอร์ชล่ม นอนรักษาตัวที่ตึกอายุรกรรมและนายฉลอง ที่แพทย์ต้องตรวจอาการบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้อีกครั้ง เนื่องจากพบว่า นายฉลองมีอาการภูมิแพ้และหอบหืด ขณะที่นางสุรีรัตน์มีอาการอ่อนเพลีย เครียด และวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเข้าพักรักษาตัวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ คงเหลือพักดูอาการอีก 2 ราย

นพ.เกตุวุฒิ กล่าวว่า ผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย อาการปลอดภัยดีแล้ว แต่ต้องรอปรับสภาพจิตใจและเฝ้าดูอาการแทรกซ้อน หากวันนี้ (10 พ.ค.) อาการไม่มีอะไรน่าห่วง ก็จะให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ เหตุการณ์นี้ทุกฝ่ายในพื้นที่ช่วยกันอย่างเต็มที่ จนสามารถคลี่คลายสถานการณ์ลงได้ และเป็นนิมิตรหมายว่า ต่อไปเมื่อเกิดเหตุแบบนี้ จ.ตราด จะนำประสบการณ์จากครั้งนี้ไปให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ด้าน นางสุรีรัตน์ กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ตกใจสุดขีด นึกว่าไม่รอดแล้ว เพราะเหตุการณ์น่ากลัวมาก แต่โชคดีที่สวมใส่ชูชีพกันทุกคน และที่สำคัญ ตั้งสติ รวมกลุ่ม นอกจากนี้ ไต๋เรือคนขับเรือยังให้ความช่วยเหลือดี

ขณะที่ นายฉลอง กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นขณะนำเรือเตรียมกลับเข้าฝั่ง แต่เรือเจอลมพายุขนาดใหญ่ ทำให้ต้องหันหัวเรือสู้คลื่น แต่ด้านไม่ไหว จนลมพัดหลังคาเรือปลิวหายไป และคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าเต็มท้ายเรือ ส่งผลให้เรือล่มในที่สุด ซึ่งตนต้องให้ทุกคนสวมเสื้อชูชีพ และขอให้ออกจากตัวเรือ เพราะเกรงว่า ทุกคนจะจมไปกับเรือ ส่วนตนออกจากเรือเป็นคนสุดท้าย ย้ำว่า เป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ และขอเตือนเพื่อน ๆ คนขับเรือว่า อย่าประมาท ต้องสวมใส่เสื้อชูชีพติดตัวตลอดเวลา